ศูนย์วิจัยกสิกรคาดราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งดันเงินเฟ้อปี53 เพิ่ม 3.0-4.0%

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 4, 2010 13:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในปี 2553 ว่า แรงกดดันเงินเฟ้อจะเพิ่มมากยิ่งขึ้น เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นค่อนข้างมาก ตามภาวะผลผลิตในประเทศผู้ผลิตรายสำคัญของโลกที่ลดลง ส่วนราคาน้ำมันดิบและราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ น่าจะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในอัตราเร่ง หลังจากที่เศรษฐกิจโลกมีสัญญาณการฟื้นตัวได้อย่างชัดเจนมากขึ้นในปีหน้า แต่จากการที่รัฐบาลได้ขยายระยะเวลา5 มาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชนออกไปอีก 3 เดือน จากเดิมมีกำหนดสิ้นสุดในเดือนธันวาคม 2552 มีส่วนช่วยชะลอภาวะเงินเฟ้อลงได้ค่อนข้างมาก จึงทำให้คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2553 อาจเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 3.0-4.0 จากที่ติดลบร้อยละ 0.8 ในปี 2552

โดยในกรณีที่รัฐบาลไม่ขยายระยะเวลา 5 มาตรการ เมื่อครบกำหนด 3 เดือนในเดือนมีนาคม 2553 คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอาจจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 3.4-4.0 แต่หากรัฐบาลขยายมาตรการออกไปอีก 3 เดือน ไปสิ้นสุดในเดือนมิถุนายน คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอาจเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2-3.8 ส่วนกรณีที่รัฐบาลขยายมาตรการออกไปสิ้นสุดในเดือนกันยายน อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอาจจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0-3.5 สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในปี 2553 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5-2.5 สูงขึ้นจากร้อยละ 0.3 ในปี 2552

สำหรับนัยต่อนโยบายการเงิน มองว่า แม้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มที่จะขึ้นไปแตะระดับประมาณร้อยละ 4 (YoY) ในเดือนมกราคม 2553 จากผลของฐานที่ต่ำในปีก่อน (Base Effect) เป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม คาดว่าเงินเฟ้อพื้นฐานน่าจะยังคงมีระดับไม่เกินร้อยละ 0.5 (YoY) และจะยังมีค่าเฉลี่ยไม่เกินร้อยละ 1.5 (YoY) ในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งยังไม่สูงไปกว่าระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ที่ปัจจุบันอยู่ที่ระดับร้อยละ 1.25 มากนัก จึงน่าจะยังคงเอื้ออำนวยให้ธนาคารแห่งประเทศมีความยืดหยุ่นพอสมควรในการดำเนินนโยบายการเงินเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับปัจจุบันต่อไปอีกระยะหนึ่งในช่วงครึ่งแรกของปี 2553

ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนธันวาคม 2552 เร่งตัวขึ้นมาที่ร้อยละ 3.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (Year-on-Year) แต่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อดังกล่าวยังไม่ถือว่าเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในขณะนี้ เนื่องจากสาเหตุสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงนี้ เป็นผลทางเทคนิคในการคำนวณอัตราเงินเฟ้อ ที่ต้องเปรียบเทียบกับฐานที่ต่ำในเดือนธันวาคมปี 2551

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาสถานการณ์ราคาสินค้าเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า พบว่า ดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภคทั่วไปของเดือนธันวาคมมีระดับลดลงจากเดือนพฤศจิกายน (Month-on-Month) นอกจากนี้ เมื่อมองจากดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน ซึ่งเป็นเครื่องชี้ระดับราคาสินค้าที่ไม่รวมอาหารสดและพลังงาน ก็มีระดับไม่เปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่เดือนตุลาคม (อยู่ที่ระดับ 102.7) ซึ่งสะท้อนได้ว่าแรงกดดันเงินเฟ้อที่มาจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังมีค่อนข้างน้อย

ทั้งนี้ โดยภาพรวม อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2552 โดยเฉลี่ยลดลงร้อยละ 0.9 จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 ในปี 2551 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ต่ำกว่าปี 2551 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ