นายเรวัฒน์ เย็นใจ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ และกลยุทธ์ บริษัท แอ็กโกร์ว เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด คาดว่า ราคายางในตลาด AFET จะยืนเหนือ 100 บาท/กก.ไปถึงราวๆ เดือน ก.พ.นี้ และราคาเฉลี่ยทั้งปีไม่น่าต่ำกว่า 89 บาท/กก.
ราคายางปรับตัวสูงขึ้นทะลุ 100 บาท/กก.ตั้งแต่ต้นปี และวันนี้ตลาด AFET ราคาเปิดสัญญาเดือน ส.ค. อยู่ที่ 101.40 บาท/กก. จากปิดวานนี้ที่ 100.45 บาท/กก. ถือว่าทำ High สูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี
สาเหตุมาจากปัจจัยหลายอย่างเอื้ออำนวยทั้งราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจากสภาพอากาศหนาวในช่วงต้นปี ปริมาณผลผลิตยางโลกในปี 52 ลดลงประมาณ 9% ส่งผลให้สต็อกรวมของผู้ผลิตยางหลักในหลายประเทศ เช่น อินโดนีเซีย ไทย มาเลเวีย เวียดนาม และอินเดีย สวนทางกับปริมาณความต้องการใช้ โดยเฉพาะจากจีนที่อีกไม่นานน่าจะมีคำสั่งซื้อเพื่อสต็อกยางเอาไว้ใช้ก่อนที่จะถึงเทศกาลตรุษจีน ประกอบกับ มาตรการลดภาษีของจีนกระตุ้นความรู้สึกของผู้ใช้มากขึ้นด้วย
นายเรวัฒน์ กล่าวว่า ทิศทางหรือแนวโน้มราคายางเชื่อว่ายังดีและเป็นการเคลื่อนไหวตามกลไกตลาด ซึ่งรัฐบาลอาจไม่มีความจำเป็นต้องใช้นโยบายหรือมาตรการใดๆ เพื่อพยุงราคายางพาราในปีนี้ เว้นแต่จะเกิดกรณีหรือปัจจัยที่ทำให้ราคายางตกต่ำแบบคาดไม่ถึง
"ปีนี้รัฐบาลอาจจะไม่ต้องมีมาตรการใดๆ หรืออาจจะมีออกมาแค่ตอนที่ราคาพักตัวลงมาแรงๆ หรือมีอะไรกดดันราคาหนัก เพราะคาดว่าราคาปีนี้น่าจะเคลื่อนไหวไปตามกลไกตลาดอย่างแท้จริง"นายเรวัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ แอ็กโกรว์ เอ็นเตอร์ไพร์ส มองการเคลื่อนไหวของราคายางในปี 53 ไว้ 3 ระยะ คือ ระยะสั้น คือ 3 เดือนจากนี้ มองว่าในไตรมาสแรกของปีนี้ ราคายางในตลาด AFET ยังน่าจะยืนได้ที่ระดับสูง แนวรับอยู่ระหว่าง 97-95 บาท/กก. ส่วนราคา FOB น่าจะอยู่แถวๆ 96 บาท/กก. แนวต้านใน AFET คาดว่าน่าจะอยู่แถวๆ 104-106 บาท/กก.
ส่วนระยะกลาง คือ 6 เดือน มองว่าในช่วงรอยต่อไตรมาสแรกกับไตรมาส 2 ซึ่งเป็นช่วงฤดูยางผลัดใบและปกติปริมาณการซื้อขายยางจะน้อยลงกว่าไตรมาสแรกอยู่แล้ว แม้ว่าในความเป็นจริงเรื่องความต้องการใช้ยางยังมีอยู่ก็ตาม แต่ด้วยความที่ปริมาณซัพพลายขาดแคลนจึงหลีกเลี่ยงการสั่งซื้อสินค้าที่ราคาจะแพงมากขึ้น
"ช่วงกลางปีการทำธุรกรรมยางคงจะลดลง เพราะผู้ซื้อจะรู้ธรรมชาติของยางอยู่แล้วว่าจะมีผลัดใบในช่วงมีนาคม-เมษายน ปริมาณผลผลิตจะน้อยกว่าปกติ ราคายางจะแพง ก็จะมีการเลื่อนหรือชะลอคำสั่งซื้ออกไป ซึ่งคาดว่าราคายางในตลาด AFET ในช่วงนั้นน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 88-90 บาท/กก."นายเรวัฒน์ กล่าว
สำหรับระยะยาวคือในช่วงปลายปี ประเด็นหลักคือ สภาพอากาศซึ่งจะเป็นช่วงหน้าฝน ส่งผลกระทบต่อการกรีดยางของเกษตรกรทำได้ลำบาก ราคาในช่วงไตรมาส 3/53 อาจจะขยับขึ้นมาอีกครั้ง โดยคาดว่าราคาในช่วงนั้นอาจจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 84-103 บาท/กก.
"เราเปรียบเทียบจากสมมติฐานเดียวกันกับปี 52 ที่ฝนจะมาช้ากว่าปกติมาก ทำให้เป็นปัญหาเรื่องซัพพลาย แต่ในเรื่องของความต้องการที่กลับมาจากตอนกลางปีคาดว่าระดับราคาน่าจะขยับเพิ่มขึ้นมาจากตอนกลางปีแต่คงไม่ peak เท่าตอนไตรมาสแรก"นายเรวัฒน์ กล่าว
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนใน AFET ทิศทางราคาไม่น่าห่วงเท่าเรื่องสภาพคล่องของสัญญา รวมทั้งต้องพิจารณาปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยแวดล้อมที่เกี่ยวข้องด้วย
"รายย่อยแนะนำถือสถานะ 30-45 วัน เพราะสภาพคล่องสัญญาจะอยู่แค่ 2 เดือนไกล คิดว่าน่าจะพอเป็นโอกาสให้เข้ามาแสวงหาผลตอบแทนได้ ส่วนการถือยาวใน AFET ความเสี่ยงที่เห็นชัดเจนคือสภาพคล่อง การเล่นจึงไม่ควรถือเกิน 2 เดือนและมองหาช่องทางในการเปลี่ยนเดือนเล่น"นายเรวัฒน์ กล่าว