นายประดิษฐ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนสถาบันการเงินเฉพาะกิจในการอำนวยสินเชื่อเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยปี ได้สรุปผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 6 แห่ง ตามนโยบายรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจนถึงสิ้นปี 52 สามารถอนุมัติสินเชื่อได้ 1.186 ล้านล้านบาท คิดเป็น 127.98% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 927,000 ล้านบาท โดยมีการเบิกจ่ายเงินแล้ว 1.096 ล้านล้านบาท และมีผู้ได้รับผลประโยชน์ 5,034,106 ราย
โดยสถาบันการเงินทั้ง 6 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารออมสิน ปล่อยสินเชื่อได้ 464,353 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 191.41%จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 242,600 ล้านบาท ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ปล่อยสินเชื่อได้ 455,061 ล้านบาท คิดเป็น 96.82% จากเป้าหมาย 470,000 ล้านบาท ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ปล่อยสินเชื่อได้ 130,129 ล้านบาท คิดเป็น 130.13% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 100,000 ล้านบาท
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ปล่อยสินเชื่อได้ 54,298 ล้านบาท คิดเป็น 145.96% จากเป้าหมาย 37,200 ล้านบาท ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ปล่อยสินเชื่อได้ 33,766 ล้านบาท คิดเป็น 77.62% จากเป้าหมาย 43,500 ล้านบาท และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ปล่อยสินเชื่อได้ 48,804 ล้านบาท คิดเป็น 144.82% จากเป้าหมาย 33,700 ล้านบาท
ใขณะที่บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมแห่งประเทศไทยมีการค้ำประกันสินเชื่อทั้งสิ้น 21,389 ล้านบาท หรือคิดเป็น71.30% ของเป้าหมาย
สำหรับโครงการสินเชื่อ Fast Track ซึ่งเป็นมาตรการส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ สถาบันการเงินเฉพาะกิจได้เร่งรัดการดำเนินงานให้รวดเร็วเป็นพิเศษ และบางโครงการก็มีการผ่อนปรน ทั้งดอกเบี้ยและเงื่อนไขอื่นๆ ที่ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค.-31 ธ.ค.52 สถาบันการเงินเฉพาะกิจทั้ง 6 แห่งสามารถอนุมัติสินเชื่อได้ 107,722 ล้านบาท หรือคิดเป็น 168.32% ของเป้าหมาย 64,000 ล้านบาท และเบิกจ่ายแล้วจำนวน 73,480 ล้านบาท มีผู้ได้รับประโยชน์ 704,674 ราย
ทั้งนี้ การที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจสามารถอนุมัติและเบิกจ่ายสินเชื่อได้มากกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ ทำให้มีผลช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่าที่เคยประมาณการไว้เดิมอีก 0.17%