รัฐบาลกรีซ ซึ่งกำลังวางแผนลดยอดขาดดุลงบประมาณที่พุ่งขึ้นสูงสุดในในบรรดาชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) กำลังเผชิญกับบททดสอบความน่าเชื่อถือเป็นครั้งแรกในวันนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่อียูเดินทางมายังกรุงเอเธนส์เพื่อตรวจสอบตัวเลขรายรับจากการจัดเก็บภาษีและงบประมาณการใช้จ่ายของรัฐบาล
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของกรีซร่วงลงอย่างหนักในเดือนธ.ค. เนื่องจากยอดขาดดุลงบประมาณของกรีซที่พุ่งขึ้นรุนแรงส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า สถานะทางการคลังของกรีซจะย่ำแย่กว่าสเปน ไอร์แลนด์ และประเทศอื่นๆในยุโรป ซึ่งแม้ว่านายจอร์จ ปาปันเดรอู นายกรัฐมนตรีกรีซให้คำมั่นสัญญาว่าจะลดยอดขาดดุลงบประมาณให้ต่ำกว่าเพดาน 3% ของอียูให้ได้ภายในปี 2554 แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ไม่ได้เชื่อเช่นนั้น
โดยนักวิเคราะห์จากฟอร์ติส โกลบอล มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า การปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณถือเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับกรีซ เพราะทุกครั้งที่รัฐบาลพยายามลดงบประมาณการใช้จ่ายก็จะเกิดการจลาจลและประชาชนก็แห่กันออกมาชุมนุมประท้วงตามท้องถนน ทำให้รัฐบาลกรีซเดินทางมาถึงทางตันเพราะหากไม่เร่งลดยอดขาดดุลงบประมาณ ก็จะยิ่งทำให้สถานะทางการคลังภายในประเทศย่ำแย่ลง
เอมิเลีย ตอร์เรส โฆษกหญิงของอียูกล่าวว่า คณะกรรมาธิการยุโรปจะยังไม่ออกแถลงการณ์ก่อนที่กรีซจะเปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับแผนการลดยอดขาดดุลงบประมาณในปลายเดือนนี้ ส่วนการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่อียูและกรีซนั้นถือเป็นการเจรจาในระดับเทคนิค
ยอดขาดดุลงบประมาณที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงของกรีซส่งผลให้ S&P ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลงหนึ่งขั้น สู่ระดับ BBB+ จากเดิมที่ระดับ A- และเตือนว่าจะลดอันดับเครดิตลงอีกหากรัฐบาลไม่สามารถลดยอดขาดดุลงบประมาณ ขณะที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับลดอันดับเครดิตของกรีซลงสู่ระดับ BBB+ เช่นกัน ส่วนมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ลดอันดับเครดิตของกรีซลงหนึ่งขั้นสู่ระดับ A2 จากเดิมที่ A1