นายวิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า ผลจากการทำ FTA อาเซียน-จีน ไทยได้รับประโยชน์ในกลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรมากที่สุด ซึ่งประเมินได้จากการใช้สิทธิพิเศษทางภาษี FTA ส่งออกเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 (ม.ค.-ก.ย.) ผู้ส่งออกไทยไปตลาดจีนได้ใช้สิทธิพิเศษทางภาษี FTA เป็นมูลค่า 2,693.34 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีสัดส่วนการใช้สิทธิ ร้อยละ 60.47 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ได้รับสิทธิฯ รายการสินค้าที่ไทยใช้สิทธิ FTA สูงในกลุ่มสินค้าเกษตร (พิกัด 01-08) ได้แก่ มันสำปะหลัง ผลไม้สด เช่น ทุเรียนสด ลำไย เงาะ ฝรั่ง มะม่วง มังคุด ผลไม้แห้งอื่น ๆ และปลาแช่เย็น เป็นต้น
ส่วนสินค้าในกลุ่มเกษตรแปรรูปและอุตสาหกรรม (พิกัด 09-97) ได้แก่ ยางผสมอื่น ๆ กรดเทเรฟทาลิก พารา-ไซลีน โพลิคาร์บอเนต แป้งมันสำปะหลัง และฟีนอล (ไฮครอกซิเบนซีน)และเกลือฟีนอล เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ไทยจะเป็นฝ่ายขาดดุลการค้าแต่คาดว่าแนวโน้มการขาดดุลจะลดลง เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นไป สินค้าทั้งหมดประมาณร้อยละ 90 ของจีนจะลดภาษีนำเข้าเหลือ 0% และในโอกาสนี้กรมการค้าต่างประเทศขอเชิญชวนผู้ประกอบการให้มาใช้สิทธิให้มากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการขยายตัวสูง เช่น ผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง ผลิตภัณฑ์ยาง โพลิคาร์บอเนต อุปกรณ์ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ หรือ สินค้าเกษตรและเกษตรอุตสาหกรรมแปรรูป เป็นต้น
ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 (ม.ค.-ก.ย.) การค้าระหว่างไทยกับจีนมีมูลค่าทั้งสิ้น 22,987.30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยไทยส่งออกมูลค่า 11,064.15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และนำเข้าจากจีนมีมูลค่า 11,923.15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งไทยเป็นฝ่ายขาดดุลการค้ากับจีน คิดเป็นมูลค่า 859.00 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงเมื่อเทียบกับยอดขาดดุล 2,992.36 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ของช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้ว