นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย(SCIB) เปิดเผยว่า ธนาคารขยายเวลาโปรโมชั่นสินเชื่อบ้านธนาคารนครหลวงไทย(SCIB Home Loan)แก่ลูกค้ารายย่อยที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยสำหรับบ้านใหม่ในโครงการที่ธนาคารร่วมสนับสนุน หรือเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือ เพื่อรีไฟแนนซ์
ธนาคารกำหนดดอกเบี้ยพิเศษ 2 ทางเลือก ได้แก่ ทางเลือกที่ 1 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2 ปีแรก ปีที่ 1 เท่ากับ 1.75% ต่อปี ปีที่ 2 เท่ากับ 5.00% ต่อปี หลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) ลบ 1.00% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา
ทางเลือกที่ 2 อัตราดอกเบี้ยลอยตัว 2 ปีแรก คิดอัตราดอกเบี้ย MLR ลบ 3.00% ต่อปี หลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ย MLR ลบ 1.00% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา ระยะเวลาการกู้สูงสุด 30 ปี โดยลูกค้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการตั้งแต่วันนี้-31 ม.ค.53
ทั้งนี้ในปี 52 ธนาคารปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นสินเชื่อใหม่ 30,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราขยายตัวสูงถึงเกือบ 70% จากปี 51 ที่ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ประมาณ 18,000 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบันมียอดสินเชื่อคงค้างรวมแล้วกว่า 58,000 ล้านบาท ขณะที่ปี 53 ธนาคารพร้อมขยายฐานลูกค้าสินเชื่อรายย่อย ต่อเนื่องตามแผนในช่วงระหว่างปี 50-53
นายอภิชาติ อรรฆย์ฐากูร ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายสินเชื่อเคหะ SCB กล่าวว่า แนวโน้มการแข่งขันการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในปี 53 คาดว่าผู้ประกอบการทั้งที่เป็นสถาบันการเงินและกลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้กู้ที่จะได้รับข้อเสนอเงื่อนไขพิเศษและเป็นประโยชน์
และจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากเดิมที่มีอัตราการขยายตัวติดลบก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ผู้ซื้อบ้านมีความมั่นใจในการตัดสินใจเพิ่มขึ้น ประกอบกับ ปัจจัยบวกเรื่องอัตราดอกเบี้ยในระบบที่ยังทรงตัว ส่งผลให้ภาระการผ่อนชำระของลูกค้าไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น รวมทั้งการเร่งตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเนื่องจากมีความกังวลว่าแนวโน้มราคาที่อยู่อาศัยในอนาคตอาจจะมีการปรับเพิ่มขึ้นตามต้นทุนที่สูงขึ้น รวมทั้งการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของผู้ซื้อบ้านก่อนที่จะหมดลง
สำหรับแนวทางการขยายฐานลูกค้าสินเชื่อเคหะของธนาคารยังคงเน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลางขึ้นไป รวมถึงการขยายความร่วมมือกับโครงการที่ธนาคารเป็นผู้สนับสนุนเงินกู้ในการพัฒนา(Pre Finance) ซึ่งธนาคารมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ประกอบการอยู่แล้วและส่วนใหญ่เป็นฐานลูกค้าเก่าที่ดีของธนาคาร ตลอดจนการใช้สาขาของธนาคารทั้ง 420 แห่งทั่วประเทศ เป็นจุดให้บริการแก่ลูกค้า หรือ SCIB Touch Point รวมทั้งได้ปรับปรุงขั้นตอนการพิจารณาสินเชื่อให้รวดเร็วยิ่งขึ้น