นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในการหารือกับเจ้าหน้าที่อาวุโสรัฐสภาสหรัฐฯ ไทยได้ขอให้สหรัฐฯ ช่วยพิจารณาต่ออายุมาตรการสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร(GSP) สินค้าเครื่องประดับเงินที่ส่งออกจากไทย หลังจากที่ GSP โครงการปัจจุบันจะหมดอายุลงในเดือนก.ค.นี้
เนื่องจากไทยส่งออกสินค้าดังกล่าวมีมูลค่าเฉลี่ยปีละกว่า 300 ล้านดอลลาร์ เกินเพดานที่สหรัฐฯ กำหนดที่ 210 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหากสหรัฐฯ ตัด GSP ไทย จะทำให้ผู้นำเข้าสหรัฐฯ ต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตรา 6% จากปัจจุบันที่ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าเลยเพราะได้รับสิทธิ GSP อยู่ นอกจากนี้ยังได้ขอให้พิจารณาการต่ออายุโครงการให้ไทยนานกว่า 1 ปี
"เราเป็นห่วงว่าถ้าถูกตัดสิทธิแล้วเกรงจะเกิดปัญหาใหญ่ตามมา เพราะเครื่องเงินของเราส่วนใหญ่ผลิตจากกะเหรี่ยง ที่ จ.น่าน และลำพูน ซึ่งกว่าจะเลิกจากอาชีพปลูกฝิ่นมาทำเครื่องเงินต้องใช้เวลานาน และปัจจุบันเลี้ยงชีพได้ด้วยการทำเครื่องเงิน แต่ถ้าถูกตัดสิทธิแล้วกลัวว่าจะกลับไปปลูกฝิ่นอีก นอกจากนี้ยังมี SMEs และแรงงานผู้หญิงที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้อีกมาก ก็กลัวว่าจะได้รับผลกระทบไปด้วย" นางพรทิวากล่าว
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้มีโอกาสหารือถึงการเดินหน้าเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรี(FTA) ไทย-สหรัฐฯ ที่หยุดการเจรจาไปตั้งแต่ปี 49 ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายพร้อมจะเจรจาต่อ หลังจากดำเนินการด้านกฎหมายภายในประเทศเสร็จสิ้นแล้ว โดยไทยจะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญปี 50 เพื่อให้ความเห็นชอบก่อน
ส่วนการพิจารณาปลดไทยออกจากบัญชีประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษด้านทรัพย์สินทางปัญญา (PWL) ในการทบทวนสถานะประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ ตามมาตรา 301 พิเศษของกฎหมายการค้าสหรัฐฯ ที่จะประกาศผลในเม.ย.53 นั้น ไทยได้ขอให้ระดับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯให้ข้อมูลกับทางการสหรัฐฯว่า ไทยมีความคืบหน้าไปมากในการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ การแก้ไขกฎหมาย รวมถึงกระตุ้นให้ประชาชนใช้สินค้าถูกกฎหมาย