นักวิเคราะห์หลายคนคาดการณ์ว่า การที่ยอดส่งออกและนำเข้าของจีนทะยานขึ้นเกินคาดในเดือนธ.ค.อาจช่วยลดความจำเป็นของรัฐบาลหลายประเทศทั่วโลกที่เตรียมใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ โดยทางการจีนรายงานเมื่อวานนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 17.7% ทำสถิติเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน และยอดนำเข้าพุ่งขึ้น 55.9%
นักวิเคราะห์จากบริษัท เก่าเจีย จูหนาน ซิเคียวริตีส์ ซึ่งเป็นบริษัทโบรกเกอร์รายใหญ่สุดของจีนกล่าวว่า ยอดส่งออกและนำเข้าที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของจีนจะเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวขึ้น และจะทำให้รัฐบาลในหลายประเทศถอนมาตรการกระตุ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น
ธนาคารกลางจีนเริ่มเดินหน้าใช้นโยบายการเงินเพื่อสกัดกั้นภาวะเงินเฟ้อด้านสินทรัพย์ ด้วยการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยตั๋วเงินคลังระยะ 3 เดือนเป็น 1.3684% เพิ่มขึ้น 0.04% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยตั๋วเงินคลังครั้งแรกในรอบ 5 เดือน โดยกระแสความวิตกกังวลในเรื่องเงินเฟ้อมีขึ้นนับตั้งแต่ธนาคารพาณิชย์ของจีนปล่อยวงเงินกู้มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปีที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า การตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยตั๋วเงินคลังถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางจีนพร้อมที่จะดำเนินมาตรการที่แข็งกร้าวกว่านี้ในการชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจและควบคุมเงินเฟ้อ
มาร์ค โมเบียส ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนชื่อดังระดับโลกและเจ้าของบริษัท เทมเพิลตัน แอสเซท เมเนจเมนท์ คาดการณ์ว่าภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนจะไม่เข้าขั้นรุนแรง เพราะเชื่อว่าจีนจะใช้มาตรการสกัดภาวะฟองสบู่ได้ทันเวลาและจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาด