บีโอไอ ปลื้มปี 52 คำขอรับส่งเสริมลงทุนสูงสุดในรอบ 40 ปีแม้เกิดวิกฤต

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 12, 2010 10:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เผยภาวะการลงทุนในปี 52 ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนตั้งแต่มีการส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทยมากว่า 40 ปี เพราะจากการรวบรวมสถิติคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนพบว่ามีจำนวนโครงการยื่นขอรับส่งเสริม 1,573โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุนสูงถึง 723,400 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยยังมีปัจจัยดีๆ ทำให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศมีความเชื่อมั่น แม้จะอยู่ในช่วงแก้ไขปัญหาการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดก็ตาม

"ความสนใจเข้ามาลงทุนในปี 52 กลายเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งที่อยู่ในช่วงเศรษฐกิจโลกเพิ่งฟื้นตัว และประเทศไทยอยู่ระหว่างแก้ไขปัญหามาบตาพุด แต่คำขอรับส่งเสริมการลงทุนกลับมีมูลค่าเงินลงทุนสูงที่สุดในรอบกว่า 40 ปี โดยเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นการลงทุนตามนโยบายปีแห่งการลงทุน ซึ่งหมดอายุลงเมื่อสิ้นปี 52" นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการบีโอไอ กล่าว

โดยคำขอรับส่งเสริมการลงทุนเริ่มเข้ามาเป็นจำนวนมากในช่วงปลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากมาตรการพิเศษกระตุ้นการลงทุน ตามนโยบายปีแห่งการลงทุน พ.ศ.2551-2552 ที่ให้สิทธิประโยชน์เป็นพิเศษแก่กิจการใน 6 กลุ่มอุตสาหกรรม มีกำหนดสิ้นสุดลงในปี 52 ทำให้โครงการลงทุนจำนวนมากยื่นขอรับส่งเสริมเข้ามาในช่วงปลายปี ส่งผลให้ให้มูลค่าเงินลงทุนของโครงการที่ขอรับส่งเสริมในปี 2552 สูงกว่าเป้าหมายถึง 323,400 ล้านบาท จากที่ตั้งไว้ช่วยต้นปี 4 แสนล้านบาท หรือสูงกว่าเป้าหมาย 80%

สำหรับอุตสาหกรรมที่มีความสนใจจะเข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด คือ กลุ่มอุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภค จำนวน 709 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 430,800 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการที่ต้องการลงทุนในด้านพลังงานทดแทน เช่น การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ การผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ

รองลงมาเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า จำนวน 219 โครงการ มูลค่า 100,900 ล้านบาท ส่วนใหญ่มีความสนใจจะลงทุนในกิจการผลิตชิ้นส่วนฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ กิจการผลิตแผงวงจรรวม กิจการผลิตชิ้นส่วนกล้องดิจิตอล กิจการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับรถยนต์ และกิจการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น

อันดับ 3 คืออุตสาหกรรมเกษตรและผลิตผลจากการเกษตร จำนวน 212 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 66,800 ล้านบาท ส่วนใหญ่มีความสนใจจะลงทุนในกิจการผลิตพลังงานทดแทนจากพืช เช่น เอทานอล และไบโอดีเซล กิจการผลิตอาหารสำเร็จรูป และอาหารแปรรูป และอันดับ 4 คือ อุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วน เครื่องจักร และโลหะจำนวน 217 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 55,500 ล้านบาท ส่วนใหญ่มีความสนใจจะลงทุนในกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ทั้งชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์ทั่วไปและชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ

โดยปีที่ผ่านมามีโครงการขนาดใหญ่ที่มีเงินลงทุนสูงหว่า 1 พันล้านบาทยื่นขอรับส่งเสริมถึง 106 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 460,300 ล้านบาท แต่กิจการที่ยื่นขอรับส่งเสริมมากที่สุดเป็นกิจการขนาดกลางมูลค่าระหว่าง 20-200 ล้านบาท เป็นจำนวน 689 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 52,600 ล้านบาท


แท็ก บีโอไอ  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ