นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ในการเลื่อนการเปิดเสรีการลงทุนกิจการ 3 สาขา ภายใต้กรอบความตกลงเขตการลงทุนอาเซียน(AIA) จากวันที่ 1 ม.ค.53 ออกไปก่อน และให้มีคณะทำงานเพื่อหารือและเสนอแนะแนวทางการเปิดเสรีการลงทุนในกิจการ 3 สาขา โดยให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) เป็นหัวหน้าคณะทำงาน
สำหรับกิจการทั้ง 3 สาขา ประกอบด้วย การปรับปรุงพันธุ์พืช, การทำป่าไม้จากป่าปลูก และการทำประมงเฉพาะการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
รายงานข่าวระบุว่า การเปิดเสรีการลงทุนดังกล่าวเป็นประเด็นที่ภาคประชาชนให้ความสนใจและเป็นกังวล ดังนั้น BOI จึงได้จัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นจากทั้งภาคเกษตรกรและภาคประชาชนให้ได้เข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งพบว่ามีข้อกังวลต่อผลที่จะเกิดขึ้นจากการเปิดเสรีดังนี้
1.การปรับปรุงพันธุ์พืช หากมีการเปิดเสรีจะทำให้ประเทศอาเซียนอื่นเข้ามาครอบครองตลาด และการผลิตเมล็ดพันธุ์ และต่างชาติประเทศอื่นๆ ที่จะเข้ามาสวมสิทธิในธุรกิจประเภทนี้ 2.การทำป่าไม้จากป่าปลูก เกรงว่าการเปิดเสรีจะส่งผลกระทบให้เกิดการแย่งชิงทรัพยากร คือ ประเทศอาเซียนอาจเข้ามาครอบครองที่ดินและทำให้ป่าไม้และทรัพยากรของไทยจะถูกทำลายมากขึ้น รวมถึงส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านอาหารของประเทศในระยะยาว
3.การทำประมงเฉพาะการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การเปิดเสรอาจส่งผลกระทบต่อวิถีชุมชน เนื่องจากอาจทำให้ทรัพยากรเสื่อมโทรมลง นอกจากนี้ เมื่อมีธุรกิจรายใหญ่เข้ามาจะส่งผลให้วัตถุดิบที่ใช้เลี้ยงสัตว์น้ำมีจำกัด ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เกษตรกรรายย่อยจะได้รับผลกระทบ และอาจนำมาซึ่งปัญหาการใช้พื้นที่ป่าชายเลนที่เพิ่มขึ้น