ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงาน Beige Book ซึ่งเป็นรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจจากเฟดทั้ง 12 เขตในสหรัฐ ครั้งล่าสุดว่า เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวขึ้นในภูมิภาคส่วนใหญ่ แม้กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำก็ตาม โดยเฟด 10 เขต จากทั้งหมด 12 เขตระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นแล้ว ขณะที่อีก 2 เขต คือ ฟิลาเดลเฟีย และริชมอนด์ มีภาวะเศรษฐกิจที่ค่อนข้างผันผวน
รายงานระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจใน 8 เขตของสหรัฐฟื้นตัวขึ้น ขณะที่อีก 4 เขตยังคงทรงตัวจนถึงผันผวน ด้านตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคในภูมิภาคส่วนใหญ่ในปี 2552 ปรับตัวขึ้นจากปี 2551 แต่ก็ยังต่ำกว่าในปี 2551 ส่วนสต็อกสินค้าในภาคค้าปลีกของภูมิภาคส่วนใหญ่ยังคงทรงตัว ขณะที่ยอดขายรถยนต์ในภูมิภาคส่วนใหญ่ทรงตัวไปจนถึงขยับขึ้นเล็กน้อย
กิจกรรมภาคการผลิตในภูมิภาคส่วนใหญ่ฟื้นตัวขึ้นไปจนถึงทรงตัว ขณะที่มีรายงานว่ากลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจ แต่ก็ยังคงระมัดระวังแผนการใช้จ่ายทั้งในด้านการลงทุนและการจ้างงาน
ส่วนยอดขายบ้านในภูมิภาคส่วนใหญ่ฟื้นตัวขึ้นในปี 2552 โดยเฉพาะบ้านที่มีราคาถูก ขณะที่ราคาบ้านโดยทั่วไปทรงตัว และปริมาณการก่อสร้างที่อยู่อาศัยยังคงอยู่ในระดับต่ำ สำหรับตัวเลขจ้างงานในภูมิภาคส่วนใหญ่ยังคงหดตัวลง ซึ่งมีเพียงไม่กี่ภูมิภาคเท่านั้นที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ รายงาน Beige Book ระบุว่า แรงกดดันด้านราคาในภูมิภาคส่วนใหญ่ยังคงทรงตัว โดยราคาโลหะปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นลงคละเคล้ากันไปในแต่ละภูมิภาค
เบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดให้คำมั่นสัญญาว่า จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0 - 0.25% ต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น พร้อมกับกล่าวว่าแม้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น แต่ตัวเลขเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เฟดตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง นอกจากนี้ เบอร์นันเก้คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงขยายตัวในปีหน้า แต่เตือนว่าจะมีปัจจัยลบหลายด้านเข้ามาขัดขวางกระบวนการฟื้นตัว รวมถึงอัตราว่างงานที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งจะส่งผลให้ภาคครัวเรือนจะลดการใช้จ่าย และยังทำให้ธุรกิจขาดเล็กเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ยากขึ้น ทั้งนี้ Beige Book เป็นรายงานที่จัดเตรียมไว้เพื่อช่วยประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดในการประชุมครั้งต่อไป ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 26 - 27 ม.ค.นี้ โดยเฟดจะเปิดเผยรายงาน Beige Book ปีละ 8 ครั้ง สำนักข่าวซินหัวรายงาน