นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กล่าวว่า ปีนี้ทิศทางดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นแน่ แต่จะเกิดขึ้นช้าเร็วนั้นคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)จะพิจารณาอีกทีในแง่ของการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากตัวเลขเงินทุนไหลเข้าในช่วง 2 สัปดาห์แรกของปี ก็สะท้อนถึงภาวะตลาดหุ้นและพื้นฐานเศรษฐกิจของไทย
"ปัจจุบันความจำเป็นที่จะใช้นโยบายการเงินต่ำ ๆ มากมีน้อยลง ซึ่ง กนง.จะกลับมาดูเงื่อนไขของเวลาที่เหมาะสม โดยจะให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ เพราะว่าเงินเฟ้อจะเร่งตัวเร็วขึ้นไปพร้อม ๆ กับการดูแลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องด้วย เพราะแม้ว่าปี 53 เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวดี แต่ว่ายังมีความเปราะบางอยู่" นายบัณฑิต กล่าวในงานสัมมนาหัวข้อ"ทิศทางเศรษฐกิจปีเสือ บนเส้นทางนโยบายการเงิน"
รองผู้ว่าฯ ธปท. กล่าวว่า ภาคเอกชนควรจะตระหนักว่าภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นทำให้ต้นทุนสูงขึ้น นอกจากนี้ ภาคเอกชนต้องปรับตัวมากขึ้น เนื่องจากความผันผวนของตลาดโลกที่มีมากขึ้น ควรจะต้องมีการวางแผนที่ดีในการปรับตัว ซึ่งตรงนี้เป็นประเด็นสำคัญมาก
ทั้งนี้ จากข้อมูลล่าสุดของ ธปท.พบว่า เศรษฐกิจในประเทศกำลังพัฒนาเติบโตฟื้นตัวได้เร็วกว่าประเทศอุตสาหกรรม ตรงนี้ทำให้เกิดภาวะเงินทุนเคลื่อนย้ายเพื่อหาผลตอบแทนที่สูงกว่า โดยจะเข้ามาในภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งไทย ซึ่งกระทบต่อค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ประกอบกับ เศรษฐกิจที่ดีขึ้นในเอเชียรวมทั้งไทยจะทำให้เงินเฟ้อเร่งตัว ทำให้ธนาคารกลางปรับนโยบายดอกเบี้ยตรึงตัวมากขึ้น
นายบัณฑิต กล่าวว่า การจะปรับดอกเบี้ยขึ้นเมื่อใดอยู่กับแต่ละประเทศที่จะพิจารณาจังหวะที่เหมาะสม โดยของประเทศไทยจะพิจารณา 2 ปัจจัยหลัก คือ อัตราการเร่งตัวของเงินเฟ้อในประเทศ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจว่ามีความเข้มแข็งหรือเปราะบางหรือไม่
"2 ตัวนี้จะเป็นปัจจัยต่อการดำเนินนโยบายการเงินของไทย แต่มองว่าดอกเบี้ยที่ต่ำในปัจจุบัน จะไม่มีให้เห็นอีกแล้ว ถึงจุดหนึ่งต้องถอยออกมาให้นโยบายการเงินสะท้อนเศรษฐกิจกลับไปสู่ระดับเหมาะสม สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งตรงนี้ดอกเบี้ยที่เอเชียสูงกว่าประเทศอุตสาหกรรมหลัก กดดันต่อให้เงินทุนไหลเข้ามาด้วย ทำให้ค่าเงินบาทแข็ง แต่ว่าปัจจุบันอัตราแลกเปลี่ยนของไทย ก็เคลื่อนไหวไปตามทิศทางของตลาด ซึ่งธปท.จะดูแลให้อัตราแลกเปลี่ยนเป็นเคลื่อนไหวตามตลาดโดยให้ตลาดและภาคเอกชนปรับตัวได้" นายบัณฑิต กล่าว