นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า หอการค้าต่างประเทศในประเทศไทยมีความกังวลต่อการระงับโครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เพราะการถูกยับยั้งโครงการทำให้ธุรกิจที่ลงทุนได้รับความเสียหาย ตลอดจนส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศไทยอย่างมาก โดยเฉพาะการลงทุนที่ใช้เม็ดเงินลงทุนสูงทำให้เกิดภาระทางการเงินซึ่งอาจร้ายแรงถึงขั้นย้ายฐานการลงทุนไปยังประเทศอื่น
"เรื่องมาบตาพุด หอการค้าต่างประเทศวิตกกังวลมาก เพราะโครงการต่างๆ ที่ผ่านการกลั่นกรองไปแล้วถูกยับยั้งไป มันมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของไทยมาก และพูดถึงว่าอาจจะร้ายแรงถึงขั้นย้ายฐานไปประเทศอื่น ยิ่งเวียดนามตอนนี้ค่าเงินถูกมาก โอกาสจะย้ายไปเวียดนามก็มีสูงขึ้น" นายพงษ์ศักดิ์ ระบุ
ทั้งนี้จากการประชุมหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย(JFCCT) ทั้งหมด 30 ประเทศ เมื่อวันที่ 12 ม.ค.53 นักลงทุนต่างยังยืนยันว่าการลงทุนในอุตสาหกรรมทุกประเภทจะต้องคำนึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการที่จะต้องปฏิบัติตามกรอบของกฎหมายและระเบียบของทางราชการ
อย่างไรก็ดี มองว่ารัฐบาลควรเร่งแก้ปัญหาและไม่ควรปล่อยให้นานเกิน 5-6 เดือน เพราะจะยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นของไทยในสายตานักลงทุนลดต่ำลง พร้อมกันนี้ภาคเอกชนยังสนับสนุนแนวทางการดำเนินงานของคณะกรรมการ 4 ฝ่ายในการแก้ปัญหามาบตาพุดชุดที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธานเพื่อให้หาข้อยุติโดยเร็ว
"เท่าที่ฟังโดยรวมดูแล้ว ถ้ายังไม่จบภายใน 5-6 เดือน ปัญหาจะเกิดขึ้นมาก เขา(JFCCT)อยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เพราะถ้าเกินจากนั้นไป ปัญหาความเชื่อมั่นจะยิ่งเลวลง ขณะนี้หอการค้าต่างประเทศถามกันมากว่าการแก้ไขเรื่องมาบตาพุดจะเร็วแค่ไหน" นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว