เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐซึ่งจะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4 เป็นรายแรกในวันพรุ่งนี้ อาจมีกำไรเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเกิดวิกฤตการเงินในปี 2551 หลังจากที่รายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจดีดตัวขึ้น
โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเจพีมอร์แกนอาจมีกำไรราว 2.57 พันล้านดอลลาร์ หรือ 60 เซนต์ต่อหุ้นในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2552 เทียบกับระดับ 702 ล้านดอลลาร์ หรือ 7 เซนต์ต่อหุ้นในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2551
นักวิเคราะห์เชื่อว่าการที่ เจมี่ ไดมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกน สามารถนำพาธนาคารผ่านพ้นวิกฤตสินเชื่อโลกมาได้ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เจพีมอร์แกนสามารถฟื้นตัวเลขกำไรให้เท่ากับช่วงก่อนเกิดวิกฤตได้เร็วกว่าธนาคารรายใหญ่อื่นๆ
ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์คาดว่า ซิตี้กรุ๊ป อิงค์ ธนาคารรายใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐ อาจขาดทุน 5.03 พันล้านดอลลาร์ หรือ 28 เซนต์ต่อหุ้น ในการรายงานผลประกอบการณ์วันที่ 19 มกราคมนี้ และในวันที่ 20 มกราคม แบงก์ ออฟ อเมริกา อาจรายงานตัวเลขขาดทุน 926 ล้านดอลลาร์ หรือ 52 เซนต์ต่อหุ้น