รมว.อุตสาหกรรม เผยเตรียมเสนอนายกรัฐมนตรีให้ประสานไปยังรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อขอความร่วมมือในการแก้ปัญหาเรื่องเงินกู้ของนักลงทุนญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอโครงการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และพื้นที่ใกล้เคียง ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด
"จะเสนอให้นายกรัฐมนตรีประสานความร่วมมือไปยังรัฐบาลญี่ปุ่นถึงกรณีปัญหาที่เกิดขึ้น และหาแนวทางร่วมกันซึ่งอาจจะมีการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ โดยยืดระยะเวลาการชำระหนี้ และลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นการแก้ไขเช่นเดียวกับรัฐบาลไทย แต่ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของรัฐบาลญี่ปุ่น" นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม กล่าว
วันนี้นายเคียวจิ โคะมาชิ เอกอัครราชฑูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ได้เดินทางเข้าพลเพื่อแสดงความเป็นห่วงกรณีการชะลอลงทุนโครงการดังกล่าว โดยเฉพาะนักลงทุนญี่ปุ่นที่ต้องกู้เงินจากสถาบันการเงินของญี่ปุ่นเป็นห่วงเรื่องระยะเวลาในการแก้ไขปัญหาจะล่าช้าออกไป
รมว.อุตสาหกรรม ยันยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีนักลงทุนย้ายฐานการผลิต และยังสนใจที่จะยังลงทุนในไทยต่อไป โดยเห็นได้จากยอดคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในปี 52 ที่มีมูลค่าสูงถึง 7.2 แสนล้านบาท เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ถึง 4 แสนล้านบาท แต่ในปี 53 กระทรวงอุตสาหกรรมตั้งเป้าไว้ที่ 5 แสนล้านบาท ซึ่งล่าสุดบมจ.นวนคร (NNCL) ได้ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนกับบีโอไอมูลค่าโครงการกว่ากว่า 5 พันล้านบาท เพื่อลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ
นอกจากนี้ ตนเองยังให้ความมั่นใจกับนักลงทุนญี่ปุ่น โดยแจ้งให้ทราบถึงมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติจัดตั้งองค์การอิสระชั่วคราวภายใน 60 วัน ซึ่งทางญี่ปุ่นก็พอใจเพราะเห็นว่ารัฐบาลมีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหานี้อย่างเต็มที่