ศูนย์กสิกรไทยฯ มองจีนคุมเข้มนโยบายการเงินเป็นผลดีจิตวิทยา ไม่กระทบไทย

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 14, 2010 17:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางพิมลวรรณ มหัจฉริยวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากการธนาคารกลางของจีนเริ่มส่งสัญญาณเชิงคุมเข้มนโยบายการเงินที่คาดว่าจะมีมาตรการออกมาต่อเนื่อง หลังจากล่าสุดธนาคารกลางจีนได้ประกาศปรับขึ้นสัดส่วนเพดานการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ เมื่อ 12 ม.ค.53 อีก 0.5% เพื่อชะลอการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ หวั่นเกิดปัญหาฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์

ทั้งนี้ มองว่าการออกมาตรการคุ้มเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางจีน ไม่น่าจะมีผลกระทบโดยตรงต่อไทยอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งทิศทางค่าเงินบาทน่าจะเคลื่อนไหวตามภูมิภาค ตลาดโดยรวมยังมีแนวโน้มที่จะแข็งค่า รวมถึงเงินบาทด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม การที่จีนออกมาตรการคุมเข้มมากขึ้นเพื่อป้องกันปัญหาฟองสบู่ สะท้อนว่าจีนมั่นใจการฟื้นตัวเศรษฐกิจในระดับหนึ่ง จึงเริ่มนำมาตรการคุมเข้ามาใช้ เชื่อว่าจีนจะกลับมาดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจให้เติบโตได้อย่างมีคุณภาพ เพื่อให้โครงสร้างเศรษฐกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน ดังนั้น หลังจากจีนออกมาตรการขึ้นดอกเบี้ยในตลาดตั๋วเงินระยะสั้นไปแล้ว คาดว่าระยะต่อไป อาจเห็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยอื่นตามมา

และการที่รัฐบาลจีนมีมาตรการคุมเข้มมากขึ้น อาจทำให้การลงทุนของจีนชะลอลง จึงอาจทำให้ผู้ส่งออกไทยที่ส่งออกสินค้าในตลาดจีนได้รับผลกระทบบ้างจากการชะลอการลงทุนของจีน แต่ภาพรวมเศรษฐกิจจีนน่าจะขยายตัวได้ดีกว่าปี 52 ดังนั้น อาจไม่ได้กระทบต่อการส่งออกไทยที่รุนแรง

"ในช่วงหลัง บางเดือนจีนเป็นตลาดส่งออกเป็นอันดับ 1 ซึ่งจีนเป็นตลาดสำคัญของไทย ผลกระทบคงไม่เป็นทางลบมาก แต่อาจมีบางส่วนอาจทำให้การส่งออกบางช่วงมีผลกระทบบ้าง แต่โดยรวมการขยายตัวส่งออกน่าจะดีกว่าปีก่อนอยู่แล้ว " นางพิมลวรรณ กล่าว

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ออกบทวิเคราะห์ว่าการส่งสัญญาณคุมเข้มทางการเงินของธนาคารกลางจีน ทั้งการปรับขึ้นสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตั๋วเงินคลัง และการดูดซับสภาพคล่องในตลาดเงินที่เกิดขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์แรกของปี 53 จะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่นักวิเคราะห์ทั่วไปคาดการณ์ไว้เล็กน้อย แต่มองว่าเป็นการดำเนินการที่สมเหตุสมผล เนื่องจากความเสี่ยงต่อการขยายตัวอย่างร้อนแรงของเศรษฐกิจจีนยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

ดังนั้น การเริ่มส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางจีนในระยะนี้และอาจมีความต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ก็น่าจะส่งผลจิตวิทยาในเชิงบวกได้ เนื่องจากการดำเนินการอย่างรวดเร็วจะสามารถสกัดความร้อนแรงทางเศรษฐกิจและจำกัดความเสี่ยงฟองสบู่ พร้อมๆ กับช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และลดโอกาสการเกิดภาวะการชะลอตัวอย่างรุนแรงลง

ทั้งนี้ เชื่อว่าธนาคารกลางจีนยังคงจำเป็นต้องคุมเข้มนโยบายการเงินอย่างต่อเนื่องต่อไป แต่จะมีลักษณะการดำเนินการที่ระมัดระวัง และค่อยเป็นค่อยไป โดยช่องทางและเครื่องมือที่ธนาคารกลางจีนอาจนำมาใช้ส่งสัญญาณคุมเข้มทางการเงิน แต่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินให้กู้ยืมของธนาคารพาณิชย์นั้น คาดว่า ธนาคารกลางจีนจะนำมาใช้เป็นลำดับท้ายๆ เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง

นอกจากนี้ มีความความเป็นไปได้ที่เงินหยวนจะขยับแข็งค่าขึ้นในทิศทางที่สอดคล้องการแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินเชิงคุมเข้มของธนาคารกลางจีน และจีนไม่น่าที่จะปิดโอกาสของการขยายกรอบการเคลื่อนไหวรายวันของค่าเงินหยวน แต่ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง เพื่อมิให้กระแสการคาดการณ์ต่อทิศทางการแข็งค่าของเงินหยวนเป็นไปอย่างรุนแรง และเพื่อให้เหมาะสมกับภาคการส่งออกของจีนที่ยังคงต้องการระยะเวลาในการปรับตัว/ประคองตัวก่อนสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะมีความมั่นคงมากขึ้น

ขณะที่แนวโน้มเงินบาทยังคงเป็นทิศทางแข็งค่า พร้อมความผันผวน โดยเงินบาทยังคงมีโอกาสแข็งค่าขึ้นทดสอบระดับ 32.70 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทอาจจะอยู่ที่ระดับ 32.50 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงครึ่งแรกของปี 53 โดยได้รับแรงหนุนที่สำคัญจากกระแสความแข็งแกร่งของสกุลเงินในภูมิภาคเอเชียที่ธนาคารกลางหลายๆ แห่งในเอเชียน่าที่จะทยอยส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินเช่นเดียวกับธนาคารกลางจีน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่าจะต้องติดตามพัฒนาการของข้อมูลทางเศรษฐกิจ และสัญญาณการคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางจีนอย่างใกล้ชิดต่อไป แม้ธนาคารกลางจีนจะดำเนินการคุมเข้มทางการเงินเพื่อชะลอความร้อนแรงทางเศรษฐกิจและลดแรงกดดันเงินเฟ้อ ควบคู่ไปกับมาตรการสกัดภาวะฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่คาดว่าจีนจะยังคงมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 53 สูงกว่า 9% ซึ่งดีกว่าปี 52 ที่คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวในอัตรา 8.5%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ