ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงตลาดเงินของญี่ปุ่นคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) อาจเผชิญกับแรงกดดันทางการเมืองที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในเรื่องการใช้มาตรการรับมือภาวะเงินฝืด ในขณะที่รัฐบาลหาทางหลีกเลี่ยงกับการเผชิญภัยคุกคามจากภาวะถดถอยก่อนที่การเลิกตั้งรัฐสภาจะเปิดฉากขึ้นในช่วงกลางปีนี้
อดีตเจ้าหน้าที่กำหนดบีโอเจแสดงความเห็นว่า บีโอเจอาจเผชิญกับแรงกดดันในการดำเนินนโยบายการเงิน ขณะที่นายนาโอโตะ คัง รัฐมนตรีคลังของญี่ปุ่นกล่าววานนี้ว่า ขณะนี้ยังมีหลายมาตรการที่บีโอเจสามารถนำไปใช้ได้ นอกเหนือจากการเปิดตัวโครงการจัดสรรเงินกู้ 10 ล้านล้านเยน (1.09 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ที่ได้ประกาศไปในก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์เห็นว่า บีโอเจยังมีทางเลือกอื่นๆอีกมากมายเพื่อใช้รับมือกับภาวะเงินฝืด ไม่ว่าจะเป็นการขยายโครงการออกสินเชื่อ การเพิ่มยอดซื้อพันธบัตรรัฐบาลต่อเดือน หรือกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนในการควบคุมอัตราดอกเบี้ยที่ใกล้กับระดับ 0% ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้อาจกระตุ้นให้เงินเยนแข็งค่าขึ้นซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออก
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังมองว่า แผนการใช้จ่ายเงินจะทำให้บีโอเจต้องกลับมาใช้มาตรการด้านเศรษฐกิจแบบผ่อนคลายอีกในที่สุด และคาดว่าบีโอเจอาจเพิ่มการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบผ่านการซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพื่อต่อสู้กับสถานการณ์ด้านราคาผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลงในขณะนี้ หรือไม่ก็อาจขยายเวลาการตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.1% ต่อไป
ทั้งนี้ นายคังกำลังหามาตรการป้องกันมิให้ญี่ปุ่นกลับมาเผชิญกับภาวะถดถอยอีก ขณะเดียวกันก็หวั่นวิตกต่อคะแนนนิยมของประชาชนที่มีต่อคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นซึ่งลดลงเรื่อยๆ
โดยล่าสุดผลสำรวจคะแนนนิยมพรรคเดโมเครติค ปาร์ตี้ ออฟ เจแปน (ดีพีเจ) ร่วงลงนับตั้งแต่ที่พรรคได้รับเลือกเป็นพรรครัฐบาลของญี่ปุ่นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว โดยนายกรัฐมนตรียูคิโอะ ฮาโตยามะ มีคะแนนนิยม 56% ในเดือนนี้เมื่อเทียบกับที่ 75% ในช่วงที่เข้ารับตำแหน่งเดือนแรก