ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียและแคนซัส ซิตี้ ได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวอย่างยั่งยืน ซึ่งอาจทำให้คณะกรรมการเฟดต้องจัดประชุมเร่งด่วนเพื่อหารือเรื่องยุทธศาสตร์และระยะเวลาในการยุติการตรึงดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ
โธมัส โฮนิง ผู้ว่าการเฟดสาขาแคนซัส ซิตี้ กล่าวว่า เฟดเตรียมยุติการซื้อตราสารที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) เนื่องจากตลาดเริ่มมีเสถียรภาพ ขณะที่นายชาร์ลส์ พลอสเซอร์ ผู้ว่าการเฟดฟิลาเดลเฟียแสดงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวอย่างยั่งยืน แม้รัฐบาลตัดสินใจชะลอการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ตาม
รายงานระบุว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดยังคงศึกษาแนวทางการระบายสภาพคล่องส่วนเกิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ออกจากระบบการเงิน และกำลังหารือเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในอีก 10 เดือนข้างหน้า โดยคาดว่าเฟดจะค่อยๆชะลอการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในเดือนมี.ค. เมื่อโครงการซื้อตราสารหนี้ MBS มูลค่า 1.25 ล้านล้านดอลลาร์หมดอายุลง
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานเมื่อคืนนี้ว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.2% ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าบริษัทเอกชนของสหรัฐกำลังเพิ่มคำสั่งซื้อสินค้าสำรองเอาไว้ในสต็อก เพราะเชื่อมั่นว่ายอดขายจะปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0 - 0.25% ในการประชุมวันที่ 26 - 27 ม.ค.นี้ แต่คาดว่าเฟดจะตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในไตรมาส 4 ปีนี้
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 2.7% ในปีนี้ ทำสถิติขยายตัวได้ดีที่สุดในรอบ 4 ปี ขณะเดียวกันคาดว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้น 2% ในปีนี้ สูงกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.8%