นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมฯ อยู่ระหว่างเสนอขอต่ออายุมาตรการทางด้านภาษีในการส่งเสริมการผลิตและการใช้รถยนต์ E85 ออกไปจากเดิมที่มาตรการภาษีจากการนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาช่วยลดภาษีสรรพสามิต 3% จะสิ้นสุดภายในสิ้นปี 53 ทั้งนี้เพื่อให้ทั้งผู้ใช้และค่ายรถยนต์มีความเชื่อมั่นต่อการผลิตรถยนต์ E85 ออกมาจำหน่ายมากขึ้น
โดยล่าสุดมี 3 ค่ายรถยนต์ที่ประกาศชัดเจนว่าจะผลิตรถยนต์ E85 คือ วอลโว่, มิตซูบิชิ และจีเอ็ม โดยตั้งเป้าปีนี้จะมีการผลิตรถยนต์ E85 รวม 7,300 คัน จากปี 52 ที่มีประมาณ 1,260 คัน ซึ่งจีเอ็มเป็นรายใหม่ที่จะเริ่มผลิตในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ ขณะเดียวกันกระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างจัดทำแผนขยายสถานีบริการน้ำมัน E85 ร่วมกับ บมจ.ปตท.(PTT) และบมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP) โดยจะเพิ่มจำนวนสถานีบริการให้สอดคล้องกับปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นจากปัจุบันมีอยู่เพียง 5 แห่ง
สำหรับแผนการส่งเสริมการใช้น้ำมัน E85 เป็นหนึ่งในแผนส่งเสริมการใช้เอทานอลให้มีปริมาณสูงขึ้น โดยต้องทำควบคู่กับการเพิ่มกำลังการผลิตของพืชพลังงาน ซึ่งขณะนี้กรมฯ ได้ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์วางแผนเพิ่มผลผลิตต่อไร่ เช่น อ้อยจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 10-15 ตัน/ไร่, มันสำปะหลังเพิ่มเป็น 5 ตัน/ไร่ และปาล์มน้ำมันเพิ่มเป็น 3.2 ตัน/ไร่
นายไกรฤทธิ์ กล่าวว่า ในปี 53-54 จะเป็นปีทองของการลงทุนด้านการพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการผลิตไฟฟ้าและน้ำมัน เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานชีวภาพ โดยในปี 52 ข้อมูลจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) มียอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนด้านพลังงานทดแทนเติบโตแบบก้าวกระโดด
โดยมียอดขอรับส่งเสริมการลงทุนถึง 402 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 229,108 ล้านบาท เฉพาะเดือนธ.ค.52 เดือนเดียวมียอดขอรับส่งเสริมการลงทุนถึง 296 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 181,669 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการส่งเสริมการลงทุน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน โดยได้รับสิทธิยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักร โดยยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี และหลังจากนี้อีก 5 ปี หรือตั้งแต่ปีที่ 9-13 จะลดหย่อนภษีเงินได้นิติบุคคลได้ 50% ซึ่งเดิม BOI กำหนดให้ยื่นขอรับส่งเสริมได้ภายในธ.ค.52 ล่าสุดทางกรมฯ อยู่ระหว่างเสนอ BOI ขอขยายระยะเวลาส่งเสริมการลงทุนดังกล่าว คาดว่าหากขยายมาตรการภาษีได้หรือสิ้นสุดจนถึงปี 54 การลงทุนด้านพลังงานทดแทนจะคึกคักและเป็นผลดีช่วยลดการนำเข้า และทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางพลังงานทดแทนในภูมิภาค
นอกจากนี้ กรมฯ อยู่ระหว่างจัดทำแผนที่ศักยภาพพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนพ.ค.52 ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจและเกิดการลงทุนเพิ่มเติม รวมทั้งส่งเสริมพลังงานชีวมวลที่ยังไม่ค่อยได้รับความนิยม เช่น ฟางข้าว, เหง้ามันสำปะหลัง และซังข้าวโพด