ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 100.90 จุด หรือ 0.9% ปิดที่ 10,609.65 จุด ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค.2552 ดัชนี S&P 500 ดิ่งลง 12.43 จุด หรือ 1.1% ปิดที่ระดับ 1,136.03 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 28.75 จุด หรือ 1.2% ปิดที่ 2,287.99 จุด
สัญญาน้ำมันดิบปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (15 ม.ค.) หลังจากมีรายงานว่าสภาพอากาศในสหรัฐจะอบอุ่นขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าดีมานด์พลังงานจะหดตัวลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น และหลังจากสหรัฐรายงานว่า อัตราค่าแรงในสหรัฐปรับตัวลดลง ทำให้นักลงทุนวิตกค่าแรงที่ลดลงจะทำให้กำลังซื้อพลังงานลดน้อยลงด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 1.39 ดอลลาร์ ปิดที่ 78.00 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 12 ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (15 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาทองคำหลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 12.50 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 1,130.50 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,126.50 - 1,146.00 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (15 ม.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ที่ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย ขณะที่สกุลเงินยูโรร่วงลงเนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในยูโรโซน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.89% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4373 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.4502 ยูโร/ดอลลาร์ และดีดขึ้น 0.83% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0265 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0180 ฟรังค์/ดอลลาร์
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (15 ม.ค.) หลังจากสหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังถูกกดดันจากการร่วงลงอย่างหนักของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก
ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 42.83 จุด หรือ 0.8% ปิดที่ 5,455.37 จุด