Government Investment of Singapore หรือ GIC ซึ่งเป็นผู้บริหารกองทุนมูลค่ากว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ในสำรองเงินตราต่างประเทศของสิงคโปร์ชี้ตลาดประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่จะกลายเป็นแหล่งการลงทุนและสินเชื่อชั้นนำ ขณะที่ประเทศในแถบตะวันตกนั้นต้องใช้เวลานานกว่านี้กว่าที่จะสามารถฟื้นตัวขึ้นจากวิกฤตการเงินได้
โทนี่ ถัง รองประธานของ GIC กล่าวในการประชุม Commonwealth Economic Forum ว่า เศรษฐกิจประเทศที่พัฒนาแล้วที่อ่อนตัวลงอย่างสหรัฐและยุโรป บ่งชี้ให้เห็นถึงโอกาสในการพัฒนาและเติบโตของสถาบันในเอเชีย
ดัชนี MSCI Asia Pacific ซึ่งไม่นับรวมดัชนีของญี่ปุ่นนั้น ดีดตัวขึ้น 68% ในปี 2552 เมื่อเปรียบเทียบกับดัชนี S&P 500 ที่ขยายตัวขึ้น 23% ขณะที่เศรษฐกิจเอเชียดีดตัวขึ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจรวดเร็วกว่าสหรัฐ โดย GIC ได้ลดสัดส่วนการถือหุ้นในตลาดหุ้นประเทศที่พัฒนาแล้วลงเหลือ 28% จากระดับ 34% ในปีงบประมาณ 2552
รองประธานกล่าวว่า ระบบการธนาคารของโลกตะวันตกนั้นได้รับผลกระทบอย่างมากจากภาวะตึงตัวด้านเงินทุนและการปรับปรุงกฎระเบียบ ดังนั้นตลาดเหล่านี้จึงยังไม่สามารถที่จะตอบสนองความต้องการด้านเงินทุนได้ ส่งผลให้สถาบันการเงินและตลาดในเอเชียมีโอกาสมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า สำหรับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้นั้น อาจจะขยายตัว 3-4% และอาจจะกลับมาอยู่ในช่วงขาขึ้นในข่วง 2-3 ไตรมาสหน้า โดยเอเชียมีประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งที่สุด ขณะที่การขยายตัวของเศรษฐกิจในสหรัฐและยุโรปยังคงอ่อนตัว
นายถังกล่าวต่อไปว่า นักลงทุนวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงของการถือพันธบัตรรัฐบาล สหรัฐยังคงมีความเสี่ยงในแง่ของสถานภาพการเงินของประชาชน ส่วนเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ ได้แก่ กรีซ ไอร์แลนด์ อิตาลี ญี่ปุ่น สเปน และอังกฤษยังคงอ่อนตัว