กรมชลประทาน ระบุว่า สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ณ วันที่ 18 ม.ค.53 มีปริมาณน้ำรวม 52,944 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 72% ของความจุอ่างฯ ซึ่งคิดเป็นปริมาณน้ำที่ใช้การได้ 29,099 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 40% ของความจุอ่างฯ โดยในแง่ของปริมาณน้ำในอ่างฯ น้อยกว่าปี 52 ประมาณ 6%
สำหรับในช่วงฤดูแล้ง กรมชลประทานได้เตรียมความพร้อมเครื่องสูบน้ำ จำนวน 1,200 เครื่องและรถบรรทุกน้ำ 295 คัน เพื่อช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำ รวมทั้งการทำกิจกรรมด้านการเกษตร ปัจจุบันได้มีการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ รวมทั้งหมด 260 เครื่องในพื้นที่ 17 จังหวัด
ผลการจัดสรรน้ำ (อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง)ทั้งประเทศ ตั้งแต่ 1พ.ย.52 จนถึงปัจจุบันว่า ใช้น้ำไปแล้ว 8,675 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 42% ของแผนจัดสรรน้ำ ยังเหลือปริมาตรน้ำตามแผนที่กำหนดไว้อีก 12,045 ล้านลบ.ม. หรือคิดเป็น 58%
อนึ่ง กรมชลประทานได้วางแผนการใช้น้ำจากโครงการชลประทานขนาดใหญ่ และขนาดกลางทั้งประเทศในช่วงฤดูแล้งปี 52/53 (1พ.ย.52-30 เม.ย.53) จำนวน 20,720 ล้านลบ.ม. แบ่งเป็น เพื่อการอุปโภค-บริโภค 1,836 ล้านลบ.ม. รักษาระบบนิเวศน์และอื่นๆ 5,539 ล้านลบ.ม. เกษตรกรรม 13,176 ล้านลบ.ม. และอุตสาหกรรม 169 ล้าน ลบ.ม.
ส่วนในเขตลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อย ป่าสัก และลุ่มน้ำแม่กลอง) วันนี้ใช้น้ำไป 77 ล้าน ลบ.ม.และตั้งแต่ 1 พ.ย.52 ถึงปัจจุบันใช้น้ำไปแล้ว 4,097 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 51% ของแผนจัดสรรน้ำในลุ่มเจ้าพระยา 8,000 ล้านลบ.ม. ยังเหลือปริมาตรน้ำตามแผนที่กำหนดไว้อีก 3,903 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 49%
ทั้งนี้จากข้อมูล ณ วันที่ 15 ม.ค. 53 ผลการปลูกพืชฤดูแล้งในเขตพื้นที่ชลประทานทั้งประเทศ ปี 52/53 มีพื้นที่คาดการณ์การเพาะปลูกพืชฤดูแล้งปี 52/53 ประมาณ 11.92 ล้านไร่ ประกอบด้วย ข้าวนาปรังประมาณ 7.50 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผักประมาณ 0.78 ล้านไร่ และอื่นๆ 3.64 ล้านไร่ แต่สามารถปลูกได้จริงประมาณ 9.25 ล้านไร่ หรือคิดเป็น 76% โดยในส่วนนาปรังปลูกจริงได้ 5.20 ล้านไร่ คิดเป็น 69%
ขณะที่ปี 51/52 มีพื้นที่เป้าหมาย 13.19 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวนาปรัง 8.79 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผักประมาณ 0.76 ล้านไร่ และอื่นๆ 3.64 ล้านไร่ ปลูกจริงไปแล้ว 9.25 ล้านไร่ คิดเป็น 78% ขณะที่นาปรังปลูกจริงได้เพียง 5.88 ล้านไร่