รัฐมนตรีคลังของหลายประเทศในยุโรปเรียกร้องให้รัฐบาลกรีซเร่งลดยอดขาดดุลงบประมาณ เนื่องจากสถานการณ์ทางการเงินเข้ากรีซกำลังเข้าขั้นวิกฤตและอาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อประเทศอื่นๆในยุโรป
โดยนายวอเตอร์ บอส รัฐมนตรีคลังของเนเธอร์แลนด์กล่าวว่า กรีซจำเป็นต้องตระหนักถึงสถานการณ์ที่รุนแรงอันเป็นผลมาจากยอดขาดดุลงบประมาณที่สูงขึ้น และกรีซต้องเร่งแก้ปัญหาเรื่องนี้ก่อนที่จะลุกลามเข้าไปสร้างความเสียต่อระบบเศรษฐกิจของยุโรปทั้งระบบ ขณะที่นายฌอง-คล้อด จังเกอร์ รัฐมนตรีคลังของลักเซมเบิร์กกล่าวว่า รัฐบาลกรีซต้องเร่งสร้างเสถียรภาพและการขยายตัวอย่างยั่งยืนของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งหนึ่งในแนวทางที่สำคัญคือการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณ
รัฐบาลกรีซกำลังเผชิญกับบททดสอบความน่าเชื่อถือเมื่อเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป (อียู) ยื่นมือเข้าตรวจสอบตัวเลขรายรับจากการจัดเก็บภาษีและงบประมาณการใช้จ่ายของรัฐบาล
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของกรีซร่วงลงอย่างหนักในเดือนธ.ค. เนื่องจากยอดขาดดุลงบประมาณของกรีซที่พุ่งขึ้นรุนแรงส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า สถานะทางการคลังของกรีซจะย่ำแย่กว่าสเปน ไอร์แลนด์ และประเทศอื่นๆในยุโรป ซึ่งแม้ว่านายจอร์จ ปาปันเดรอู นายกรัฐมนตรีกรีซให้คำมั่นสัญญาว่าจะลดยอดขาดดุลงบประมาณให้ต่ำกว่าเพดาน 3% ของอียูให้ได้ภายในปี 2554
ยอดขาดดุลงบประมาณที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงของกรีซส่งผลให้ S&P ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลงหนึ่งขั้น สู่ระดับ BBB+ จากเดิมที่ระดับ A- และเตือนว่าจะลดอันดับเครดิตลงอีกหากรัฐบาลไม่สามารถลดยอดขาดดุลงบประมาณ ขณะที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับลดอันดับเครดิตของกรีซลงสู่ระดับ BBB+ เช่นกัน ส่วนมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ลดอันดับเครดิตของกรีซลงหนึ่งขั้นสู่ระดับ A2 จากเดิมที่ A1