นายพีระพล สาครินทร์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ บมจ.ปตท.(PTT) เร่งแก้ไขปัญหาการขาดแคลนก๊าซ LPG ในประเทศ โดยสามารถนำคลังลอยน้ำมาใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการนำเข้า เนื่องจากในเดือนม.ค.นี้ คาดว่าจะมีความต้องการใช้ LPG ประมาณ 400,000 ตัน/วัน ขณะที่กำลังการผลิตในประเทศมีเพียง 350,000 ตัน เนื่องจากผลกระทบจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 ที่กำลังการผลิต LPG เดือนละประมาณ 1 แสนตัน จากเดิมมีแผนจะเริ่มเดินเครื่องในต้นปี 53 แต่ไม่สามารถดำเนินการได้จากผลของคำสั่งศาลปกครองสูงสุด
ทั้งนี้ คาดว่าทำให้ในเดือนก.พ.จะต้องนำเข้าก๊าซ LPG จำนวน 130,000 ตัน และเดือนมี.ค.จำนวน 150,000 ตัน เพราะโรงแยกก๊าซหน่วยที่ 2,3 ต้องปิดซ่อมบำรุงตามแผนประจำปี และหากในเดือน พ.ค.เป็นต้นไป โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 ยังไม่สามารถเปิดเดินเครื่องได้ ก็คาดว่าตั้งแต่เดือน พ.ค.เป็นต้นไป ไทยต้องนำเข้าก๊าซ LPG เดือนประมาณ 130,000 ตัน ไปจนถึงสิ้นปีนี้
สำหรับปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในปีนี้จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 52 ซึ่งอยู่ที่ 113.7 ล้านลิตร/วัน โดยอาจบวกลบไม่เกิน 5% จากปีก่อน สำหรับปริมาณการใช้น้ำมันในปีก่อน แบ่งเป็น น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 12.2 ล้านลิตร, น้ำมันเบนซิน 20.6 ล้านลิตร, น้ำมันดีเซล 50.57 ล้านลิตร และก๊าซหุงต้ม(LPG) 12.39 ล้านกิโลกรัม/วัน คิดเป็นปริมาณการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงรวม 48,998 ล้านลิตร โดยมีมูลค่าการนำเข้า 653,000 ล้านบาท/ปี ส่วนปริมาณการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงในปี 52 อยู่ที่ 13,811 ล้านลิตร คิดเป็นมูลค่า 198,088 ล้านบาท
นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.53 จะมีการปรับเปลี่ยนสีของน้ำมันสำเร็จรูปใหม่ โดยน้ำมันเบนซิน 91 จากสีแดงจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อน, น้ำมันเบนซิน 95 จากสีเหลืองอ่อนเป็นสีน้ำมันเงิน, ส่วนน้ำมันไบโอดีเซล B5 เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นแดง เพื่อป้องกันการปลอมปนน้ำมันและการเอาเปรียบผู้บริโภค