นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกในเดือนธ.ค.52 เพิ่มขึ้น 26.1% จากเดือน ธ.ค.51 คิดเป็นมูลค่า 14,629 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าสูงสุดในรอบ 1 ปี ส่วนการนำเข้าเพิ่มขึ้น 28.2% คิดเป็นมูลค่า 14,424 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้เดือนธ.ค.52 ไทยเกินดุลการค้า 204 ล้านดอลลาร์
"ตัวเลขการส่งออกในเดือนธ.ค.นี้ สูงที่สุดในรอบปี และเป็นการส่งสัญญาณที่ดี ซึ่งได้ใกล้เคียงกับเป้าส่งออกที่เราคาดการณ์ไว้ ถือเป็นผลงานของรัฐบาลและเอกชนที่ร่วมกันทำงานด้วยกันมาตลอด" รมว.พาณิชย์ ระบุ
สำหรับการส่งออกสินค้าในเดือนธ.ค.52 เพิ่มขึ้นทุกหมวดติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยเฉพาะสินค้าเกษตร/ อุตสาหกรรมการเกษตรที่เพิ่มขึ้นถึง 42.1% เป็นการเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า โดยเฉพาะข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง น้ำตาล และสินค้าอาหาร ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญเพิ่มขึ้น 18.6% ซึ่งการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเกือบทุกรายการ เช่น เครื่องอิเล็กทรอนิกส์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, ยานยนต์ เป็นต้น และมีสินค้าที่กลับมาส่งออกเพิ่มขึ้นเป็นเดือนแรก คือ เฟอร์นิเจอร์, เครื่องเดินทาง, เครื่องหนัง, อาหารสัตว์เลี้ยง และของเล่น เป็นต้น
ทั้งนี้ตลาดหลักส่งออกในเดือนธ.ค.52 เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 คือเพิ่มขึ้นถึง 20.4% โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่นที่กลับมาส่งออกเพิ่มขึ้นเป็นเดือนแรก ส่วนตลาดใหม่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกันที่ 31.5% โดยเฉพาะตลาดเกาหลีใต้ ลาตินอเมริกาที่ส่งออกขยายตัวเป็นเดือนแรก
ขณะที่การนำเข้าในเดือนธ.ค.52 พบว่ามีมูลค่าการนำเข้าสินค้าในกลุ่มวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป เพิ่มขึ้นมากสุดถึง 51.9% ซึ่งสอดคล้องกับมูลค่าการส่งออกของประเทศที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น รองลงมาเป็นสินค้ากลุ่มยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง เพิ่มขึ้น 45.6%, สินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่มขึ้น 21% เนื่องจากผู้บริโภคมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นในช่วงเทศกาล, สินค้าเชื้อเพลิง เพิ่มขึ้น 15.6% ซึ่งเป็นไปตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และสินค้าทุน เพิ่มขึ้น 7.5%
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกในไตรมาส 4/52 เพิ่มขึ้น 11.9% คิดเป็นมูลค่า 43,281 ล้านดอลลาร์ โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้การส่งออกของไทยช่วงไตรมาสสุดท้ายดีขึ้น เนื่องจากความต้องการสินค้าของตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้นตามภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ประกอบกับสต็อกของประเทศผู้นำเข้าเริ่มลดลง จึงทำให้ผู้ส่งออกไทยมีคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้น ทั้งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเพื่อรองรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่
นอกจากนี้ ยังมาจากปัจจัยเรื่องความสำเร็จจากการดำเนินมาตรการเร่งรัดผลักดันการส่งออกร่วมกันจากทั้งภาครัฐและเอกชนที่ดำเนินการมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี
ส่วนการส่งออกทั้งปี 52 ยังคงติดลบ 14.2% คิดเป็นมูลค่า 152,502 ล้านดอลลาร์ การนำเข้า ติดลบ 25.3% คิดเป็นมูลค่า 133,796 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ทั้งปี 52 ไทยเกินดุลการค้า 18,706 ล้านดอลลาร์
อนึ่ง กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดเป้าหมายการส่งออกในปี 52 ไว้ว่าจะติดลบไม่เกิน 15%
รมว.พาณิชย์ ยังได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกสำหรับปี 53 ว่าจะเติบโต 14% จากในปี 52 พร้อมตั้งเป้าหมายการส่งออกไว้เป็นรายไตรมาส ดังนี้ ไตรมาส 1/53 ส่งออกโต 14-18%, ไตรมาส 2/53 ส่งออกโต 19-23%, ไตรมาส 3/53 ส่งออกโต 11-15% และไตรมาส 4/53 ส่งออกโต 5-8%