อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษในเดือนธ.ค.มีแนวโน้มถีบตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 12 ปี หลังราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจรอดพ้นจากภาวะถดถอย
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคของอังกฤษที่พุ่งขึ้น 2.6% จากปีก่อนหน้านี้ ซึ่งสูงเกินกว่าระดับที่ธนาคารตั้งเป้าไว้ 2% เป็นครั้งแรก โดยตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวสูงกว่าอัตราการขยายตัวที่ 1.9% ในเดือนก่อนหน้านี้ด้วย
ทั้งนี้ จากตัวเลขคาดการณ์อัตราเงินเฟ้ออังกฤษข้างต้นแสดงให้เห็นถึงปัญหาที่รัฐบาลต้องเผชิญ รวมไปถึงการประเมินกรอบเวลาในการขึ้นดอกเบี้ยจากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% ในอนาคต ขณะที่นายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ ของอังกฤษเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง
ด้านนักวิเคราะห์จากสถาบันการเงินชื่อดังระดับโลกแสดงความเห็นว่า ในช่วงที่เศรษฐกิจอังกฤษเผชิญกับภาวะถดถอยนั้น ธนาคารกลางไม่ได้ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเงินเฟ้อ แต่นับจากนี้ไปความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อจะเริ่มมีมากขึ้น และเชื่อว่าธนาคารจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาส 2 และ 3 ก่อนที่ดอกเบี้ยจะขยายตัวขึ้นไปถึง 1.5% ในสิ้นปีนี้
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น 2 เท่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ต้นทุนน้ำมันเบนซินปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิตขยายตัว 0.5% ในเดือนธ.ค.
อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางอังกฤษกล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อจะถีบตัวสูงขึ้นก่อนที่จะร่วงลงต่ำกว่าเป้าที่กำหนดในปลายปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มชะลอความร้อนแรงหลังจากที่ผ่านช่วงภาวะถดถอยมาได้แล้ว ขณะเดียวกัน ทางธนาคารกลางเริ่มแสดงสัญญาณบางอย่างเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการทางเศรษฐกิจที่เร่งด่วนซึ่งทำขึ้นเพื่อรับมือกับภาวะเงินฝืด หลังจากที่ได้ให้คำมั่นว่าจะซื้อพันธบัตรมูลค่า 2 แสนล้านปอนด์