นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน ธ.ค.52 อยู่ที่ 113.6 ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นจาก 104.7 ในเดือน พ.ย.52 ซึ่งเป็นค่าดัชนีที่เกินระดับ 100 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และสูงสุดในรอบ 44 เดือน
"ค่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 113.6 ปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนพฤศจิกายนที่ระดับ 104.7 ค่าดัชนีปรับตัวเกิน 100 เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน สูงสุดในรอบ 44 เดือนนับตั้งแต่ มี.ค.49" นายสันติ กล่าว
โดยเป็นผลมาจากองค์ประกอบดัชนีด้านยอดคำสั่งซื้อรวม ยอดขายรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศยังคงขยายตัว ซึ่งสะท้อนจากตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นประกอบกับอยู่ในช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่จึงทำให้ผู้บริโภคมีการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังมีความกังวลในด้านต้นทุนซึ่งสะท้อนจากความเชื่อมั่นในองค์ประกอบด้านต้นทุนประกอบการที่ปรับตัวลดลง ทั้งราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นตามปริมาณความต้องการวัตถุดิบที่เพิ่มมากขึ้น การเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ และราคาน้ำมันในอนาคต ซึ่งทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นด้านต้นทุนประกอบการในอนาคตปรับตัวลดลง
"ผู้ประกอบการมีความกังวลในประเด็นสถานการณ์ทางการเมือง อัตราแลกเปลี่ยน สภาวะเศรษฐกิจโลก อัตราดอกเบี้ยลดลงจากเดือนพฤศจิกายน และราคาน้ำมันที่สูงขึ้นซึ่งเป็นปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีกังวลมากที่สุดในเดือนนี้เนื่องจากกังวลว่าเมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง" นายสันติ กล่าว
ส่วนดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงจากระดับ 118.3 ในเดือน พ.ย.52 ลงมาอยู่ที่ระดับ 111.5 ในเดือน ธ.ค.52 เนื่องจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมคาดการณ์ว่าต้นทุนประกอบการจะสูงขึ้น แต่ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อสถานการณ์การค้าในอนาคต ซึ่งสะท้อนจากองค์ประกอบด้านยอดคำสั่งซื้อรวม ยอดขายรวม ปริมาณการผลิตและผลประกอบการในอนาคตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการมีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ คือ ให้ภาครัฐเร่งรัดการแก้ปัญหามาบตาพุด, สนับสนุนการปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจ SME, แก้ไขปัญหาทางการเมืองให้มีเสถียรภาพ, สนับสนุนการจัดหาแรงงานภายในประเทศหรือลดขั้นตอนในการจัดจ้างแรงงานต่างด้าว รวมทั้งมีมาตรการเพื่อพัฒนาคุณภาพแรงงานในระยะยาว และดูแลราคาเชื้อเพลิงไม่ให้สูงจนเกินไป