นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวภายหลังเดินทางพร้อมคณะไป จ.สระแก้ว เพื่อประชุมหารือและทำความเข้าใจกับหน่วยปฏิบัติตามแนวชายแดนว่า ได้กำชับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เช่น ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ช่วยกันป้องกันและปราบปรามการลักลอบการนำเข้าสินค้าต่าง ๆ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรให้เข้มงวดยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้กระทบกับเกษตรกรของไทย
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การตรวจเยี่ยมในวันนี้เพื่อให้เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติตามแนวชายแดน ซึ่งประกอบด้วยหลายหน่วยงาน ได้แก่ กรมศุลกากร กรมวิชาการเกษตร และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ที่จะต้องดูแลตรวจสอบการนำเข้าสินค้าภายใต้ AFTA มีความเข้าใจแนวทางปฏิบัติและมาตรการรองรับการเปิดตลาดในทิศทางเดียวกัน และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และผู้นำเข้า-ส่งออก ในความพร้อมของหน่วยงานภาครัฐในการรับมือกับการเปิดตลาด AFTA
"ขอให้ผู้นำเข้ามีความสบายใจได้ว่าจะได้รับการอำนวยความสะดวก หากปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ และจะส่งผลดีต่อการค้า การลงทุนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมการค้าชายแดนของไทย" รมว.พาณิชย์ กล่าว
สำหรับแนวทางและมาตรการรองรับการเปิดตลาดภายใต้ AFTA ของกระทรวงพาณิชย์มีแนวปฏิบัติหลัก ๆ อยู่ 3 ระบบ ได้แก่ ระบบบริหารการนำเข้า กำหนดให้ต้องขอหนังสือรับรองการนำเข้าและหนังสือรับรองคุณภาพ หรือมาตรฐานสินค้า
ระบบติดตามการนำเข้า ติดตามการนำเข้าสินค้า พร้อมทั้งรายงานเป็นรายสัปดาห์ และระบบติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผล สำรวจพื้นที่เป้าหมาย เพื่อติดตามศึกษาวิเคราะห์สถานการณ์ความเคลื่อนไหว ทั้งปริมาณ และราคาอย่างใกล้ชิดและรวดเร็ว เพื่อประสานหารือ แนวทางแก้ไขปัญหา และวางมาตรการรองรับ
นางพรทิวา กล่าวอีกว่า จากการลงพื้นที่ในวันนี้ พบว่า ในปี 2552 มีการนำเข้าสินค้าเกษตรมากที่สุด คือ มันสำปะหลัง ปริมาณนำเข้า 221,462 ตัน คิดเป็นมูลค่า 429.89 ล้านบาท และนำเข้าสินค้าเกษตรที่มีการเปิดตลาดภายใต้ AFTA ได้แก่ ถั่วเหลือง ปริมาณนำเข้า 19,604 ตัน คิดเป็นมูลค่า 255.75 ล้านบาท และข้าวโพด ปริมาณ 18,448 ตัน คิดเป็นมูลค่า 72.95 ล้านบาท