นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยภายหลังเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีว่า สมาคมฯได้ขอให้รัฐบาลพิจารณาเรื่องการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาลเพิ่มเติมอีก หลังจากที่พบว่าผลผลิตข้าวในตลาดโลกมีปัญหามากจากภัยธรรมชาติทั้งโรคระบาดข้าว ภัยแล้ง จนทำให้ปริมาณข้าวในตลาดโลกลดลงมาก
หากรัฐบาลเร่งระบายข้าวในสต๊อกออกมามากขึ้นก็จะทำให้ศักยภาพการส่งออกของไทยดีขึ้นตามไปด้วย ขณะเดียวกันยังทำให้ประเทศมีรายได้เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย เพราะแนวโน้มราคาข้าวขณะนี้พุ่งสูงขึ้นมาก ส่วนจะไปถึงตันละ 20,000 บาทหรือไม่ คงต้องรอดูสถานการณ์ของเพื่อนบ้านด้วย
นอกจากนี้ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องจะทำให้ไทยเสียเปรียบประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นคู่แข่งขันโดยเฉพาะเวียดนามที่ได้ลดค่าเงินดอง เพราะจะทำให้ส่วนต่างระหว่างค่าเงินบาทและค่าเงินดองนั้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ศักยภาพการแข่งขันของไทยเริ่มลดลง โดยทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่าขึ้นจะทำให้มูลค่าการส่งออกลดลงตันละ 20 ดอลลาร์สหรัฐ
นายชูเกียรติ กล่าวว่า ภาคเอกชนยังได้ขอให้นายกรัฐมนตรีช่วยพิจารณาเรื่องการจัดตั้งกองทุนพัฒนาข้าวโดยแทนที่จะนำเงินภาษีที่จัดเก็บจากการซื้อขายข้าวในอัตรา 0.75% ของมูลค่าซื้อขายเป็นรายได้ของรัฐ หรือประมาณ 600-700 ล้านบาทต่อปี แต่ควรจะใช้จัดตั้งกองทุนพัฒนาข้าวแทน มองว่าจะมีประโยชน์กับประเทศมากกว่า เพราะจะทำให้ข้าวไทยมีศักยภาพในทุกด้านเพิ่มมากขึ้น และภาคเอกชนได้พยายามดำเนินการเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่เห็นว่าไม่สามารถดำเนินการแต่เพียงฝ่ายเดียวได้ และต้องการให้รัฐบาลเข้ามาช่วยผลักดันด้วย
ขณะที่นายกฯ ระบุว่าปัจจุบันสามารถที่จะกันเงินจากเงินงบประมาณมาจัดตั้งแทนได้ แต่ภาคเอกชนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและดำเนินการได้ช้า ซึ่งนายกฯ รับปากว่าจะนำไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป