สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีน ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญขยายตัวขึ้น 1.9% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนธ.ค. 2552 ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ขยายตัวขึ้นมาจากสถิติเดือนพ.ย.ที่ขยายตัว 0.6% และเป็นช่วงที่ดัชนีเริ่มปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน
ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ขยายตัว 1.7% ในเดือนธ.ค.จากระดับปีที่แล้ว นับเป็นการขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบเดือน นับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2552
เมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ราคาผู้บริโภคในเขตเมืองลดลง 0.9% และชนบทลดลง 0.3% ส่วนราคาอาหารที่คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1 ใน 3 ของ CPI เพิ่มขึ้น 0.7%
นายหม่า เจียนถัง ผู้อำนวยการของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนกล่าวว่า ดัชนี CPI ที่ขยายตัวขึ้นนั้นพิสูจน์ให้เห็นว่า จีนประสบความสำเร็จในการขจัดความเสี่ยงเรื่องเงินฝืดที่สร้างความวิตกกังวลอย่างมากเมื่อปีที่แล้ว
ทางด้านเซียง เผิง นักวิเคราะห์ของแบงค์ ออฟ คอมมิวนิเคชั่นส์ กล่าวว่า ดัชนี CPI ที่เป็นบวกนั้น เนื่องมาจากดีมานด์ภายในประเทศที่สูงขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจค่อยๆฟื้นตัวขึ้น โดยสภาพอากาศที่หนาวจัดตั้งแต่เดือนพ.ย.เป็นต้นมานั้นมีส่วนทำให้ราคาอาหารสูงขึ้น และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับ CPI นั้นคาดว่า จะเกิดขึ้นไปจนถึงเดือนมี.ค. ดังนั้น รัฐบาลควรจะใช้มาตรการเพื่อเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับความวิตกกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ขณะที่นโยบายผ่อนปรนด้านการเงินที่นานาประเทศได้มีการนำมาใช้นั้นคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกำกับดูแลการขยายตัวด้านสินเชื่อและเงินเฟ้อที่อาจจะเกิดขึ้น ทางธนาคารกลางจีนได้ปรับขึ้นผลประโยชน์พันธบัตรอายุ 1 ปี และขอให้ธนาคารในประเทศเพิ่มสำรองของตนเอง ซึ่งทำให้เกิดการคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามมามากกว่าเดิม
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายเซี่ยงยังได้คาดการณ์ว่า การขึ้นดอกเบี้ยจะยังไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะถึงไตรมาส 2 แต่ธนาคารกลางจีนอาจจะปรับเพดานสำรองบ่อยขึ้นในไตรมาสแรก เพื่อรักษาอัตราการขยายตัวด้านการเงินให้เป็นไปอย่างสมดุล