สกุลเงินเอเชียอ่อนค่าลงโดยการนำของเงินริงกิตมาเลเซีย หลังมีกระแสความวิตกว่าอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงในภูมิภาคอาจทำให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายของแต่ละประเทศควบคุมการปล่อยสินเชื่อและลดการใช้จ่ายลง ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการค้าขายในที่สุด
เงินริงกิตอ่อนค่าลง 0.2% แตะที่ 3.3710 ริงกิต/ดอลลาร์ ณ เวลา 12.08 น.ตามเวลากัวลาลัมเปอร์ ขณะที่เงินบาทของไทยอ่อนค่าลง 0.1% แตะที่ 32.96 บาท/ดอลลาร์ ส่วนเงินดอลลาร์สิงคโปร์อ่อนค่าลง 0.1% แตะที่ 1.3993 ดอลลาร์สิงคโปร์/ดอลลาร์สหรัฐ
จีนเปิดเผยว่าจีดีพีไตรมาส 4 มีการขยายตัวถึง 10.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่อัตราเงินเฟ้อขยายตัว 1.9% ในเดือนธันวาคม ซึ่งสมาชิกคณะกรรมการกำหนดนโยบายของจีนกล่าวว่า จีดีพีที่ขยายตัวเกิน 10% ถือว่ามากเกินไป และอาจทำให้เกิดภาวะฟองสบู่ได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ธนาคารกลางจีนได้ประกาศเพิ่มผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือนสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2551 เพื่อดึงเม็ดเงินออกจากระบบการเงินและไม่ให้เศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป หลังจากที่เศรษฐกิจจีนขยายตัวในอัตราที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551 ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคก็พุ่งสูงสุดในรอบ 13 เดือน