ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(ทสภ.) เรียกร้องกลุ่มผู้ชุมนุมปรับเปลี่ยนท่าทีที่จะใช้สนามบินมาเป็นเครื่องมือในการต่อรองทางการเมืองเพื่อเห็นแก่ประเทศชาติ เพราะจะสร้างความเสียหายด้านการท่องเที่ยว และภาพลักษณ์ของประเทศในสายตาของนานาชาติ
"ผมขอร้องให้ทุกสีเห็นแก่ประเทศชาติ สนามบินไม่ใช่ที่จะมาเจรจาต่อรองทางการเมือง ขอให้ไปชุมนุมกันที่อื่น เพราะแค่มาชุมนุมใกล้เคียงกับสนามบินก็จะเป็นอุปสรรคในการเดินทางของผู้โดยสาร และภาพที่ออกไปก็จะทำให้ทั่วโลกหวาดกลัว ไม่กล้ามาเมืองไทย" นายนิรันดร์ ธีรนาทสิน ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าว
ทั้งนี้ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง มีแนวคิดที่จะพาประชาชนซึ่งเคยถูกทางการดำเนินคดีกรณีชุมนุมประท้วงมาชุมนุมถือป้ายประท้วงเรียกร้องให้มีการบังคับใช้กฎหมายมาตรฐานเดียวบริเวณสองฝั่งทางเข้า-ออกท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยไม่มีการบุกรุกเข้าไปในบริเวณอาคารผู้โดยสาร
ผู้อำนวยการ ทสภ.กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายบริหาร บมจ.ท่าอากาศยานไทย(AOT) หรือ ทอท.ได้หารือกับทางจังหวัดสมุทรปราการเพื่อเตรียมพร้อมมาตรการที่จะนำมาใช้รับมือกับกรณีดังกล่าว โดยจะมีการบังคับใช้กฎหมายขั้นสูงสุดถึงขั้นข้อหาก่อการร้าย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์บุกยึดสนามบินเหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือน พ.ย.51
ผู้อำนวยการ ทสภ.กล่าวว่า หากมีการชุมนุมจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมด้านการท่องเที่ยวอย่างรุนแรง เนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากยุโรป รวมทั้งแถบเอเชียด้วย ได้แก่ จีน ไต้หวัน และญี่ปุ่น
"นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ค่อนข้างจะตื่นตระหนกกับข่าวการปิดสนามบิน อาจทำให้ยกเลิกการเดินทางได้" นายนิรันดร์
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีรายงานการยกเลิกการเดินทางอย่างผิดปกติ ซึ่งโดยเฉลี่ยมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังประเทศไทยที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิราว 120,000 คน/วัน