นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) เผยอนุมัติเงินสนับสนุนการลงทุนของเอกชนตามโครงการ ESCO Fund ไปแล้วกว่า 407 ล้านบาท โดยล่าสุดอนุมัติเงินกว่า 115 ล้านบาท สำหรับ 9 โครงการ ที่มีมูลค่าการลงทุนกว่า 860 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าพลังงานได้กว่า 29 ล้านบาท/ปี
โดยโครงการที่ได้รับอนุมัติครั้งนี้ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล Well Korat Energy จ.บุรีรัมย์, โครงการเช่าซื้ออุปกรณืประหยัดพลังงานแบบการปรับแรงดันไฟฟ้า บริษัท นิวสมไทยมอเตอร์เวิร์ค จ.สมุทรปราการ, โครงการผลิตก๊าซชีวภาพจากน้ำเสียของโรงงานน้ำมันปาล์มสหกรณ์นิคมหลังสวน จ.ชุมพร, โครงการเปลี่ยนหม้อต้มไอน้ำแรงดันต่ำที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันเตาเกรดซีมาใช้เชื้อเพลิงชีวมวล บริษัทพัทยาฟู๊ด เอนเนอร์จี กรุงเทพฯ, โครงการเช่าซื้ออุปกรณ์ประหยัดพลังงานแบบการปรับแรงดันไฟฟ้า บริษัท เอสเอ็มทีซี จ.สมุทรปราการ
โครงการติดตั้งอุปกรณ์ปรับความเร็วรอบมอเตอร์ในระบบเครื่องสูบน้ำระบายความร้อนของระบบปรับอากาศ อาคารเซ็นทรัลซิตี้บางนา กรุงเทพฯ, โครงการปรับปรุงระบบทำน้ำร้อนจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานความร้อนเหลือทิ้ง โรงแรมบางกอกพาเลซ กรุงเทพฯ, โครงการติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมความต้องการพลังงานไฟฟ้าและหลอดประหยัดไฟ โรงเรียนดิอเมริกันสคูลออฟแบ็งค็อก สาขาสุขุมวิท กรุงเทพฯ และโครงการติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมความต้องการพลังงานไฟฟ้าและหลอดประหยัดไฟ โรงเรียนดิอเมริกันสคูลออฟแบ็งค็อก สาขาบางนา จ.สมุทรปราการ
นอกจากนี้ พพ.ยังอนุมัติเงินสนับสนุนเพิ่มเติมให้โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล บริษัท ฟ้าฮาม จ.น่าน ในเครือบริษัท ซูพรีม รินิวเอเบิล เอนเนอร์ยี จากเดิม 10 ล้านบาท เป็น 14 ล้านบาท
อธิบดี พพ.กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ พพ.ได้อนุมัติเงินสนับสนุนการของเอกชนตามโครงการดังกล่าวไปแล้ว 17 โครงการ เป็นเงินกว่า 292 ล้านบาท ซึ่งช่วยประหยัดค่าพลังงานได้กว่า 466 ล้านบาท/ปี โดยตั้งเป้ามอบเงินสนับสนุนในช่วงเดือน มิ.ย.52-มิ.ย.53 ไว้ 500 ล้านบาท