นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด คาดว่า ปี 53 แนวโน้มธุรกิจประกันชีวิตมีโอกาสเติบโตอีกมาก ไม่น้อยกว่าร้อยละ 15-20 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากมีสัญญาณเศรษฐกิจพื้นตัว รวมทั้งลูกค้าทั่วไปให้ความสนใจทำประกันชีวิตเพิ่มขึ้น ซึ่งแตกต่างจากความคิดในอดีตที่บริษัทประกันภัยต้องเข้าไปหาลูกค้าเพื่อแนะนำทำประกันภัย แต่ขณะนี้ลูกค้าจะเดินเข้ามาหาเนื่องจากเห็นความสำคัญในการทำประกันชีวิตมากขึ้น ซึ่งขึ้นกับลูกค้าว่าจะต้องเลือกบริษัทที่ดีที่สุดเพื่อให้ได้รับบริการที่ดี
อย่างไรก็ตามแม้ว่าการเติบโตของธุรกิจกันชีวิตในปี 53 มีแนวโน้มดี แต่มีปัจจัยเสี่ยงจากปัจจัยขัดแย้งทางการเมืองเพราะกระทบความเชื่อมั่นและกระทบต่อการลงทุนของประชาชน
ส่วนกรณีที่ปัจจุบันมีปัญหาภัยพิบัติเกิดขึ้นทั่วโลก ทั้งเหตุการณ์โลกร้อน แผ่นดินไหว และภัยพิบัติจากคลื่นสึนามิ ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันบริษัทประกันชีวิตและประกันภัย ยังไม่ได้นำภัยพิบัติเหล่านี้นำมาจัดทำผลิตภัณฑ์ประกันภัย แต่ยอมรับว่าบริษัทประกันภัยต่าง ๆ จะต้องมีการเก็บรวบรวมภัยพิบัติที่เกิดขึ้นเหล่านี้เพื่อพิจารณาว่า หากมีพื้นที่ใดเกิดภัยพิบัติซ้ำ ๆ ก็จะพิจารณาต่อไปว่า จะต้องมีการออกผลิตภัณฑ์ประกันภัย ประกันชีวิตที่สอดคล้องกับแต่ละพื้นที่หรือไม่
สำหรับผลประกอบการของบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต ในปี 52 สามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเติบโตร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าด้วยเบี้ยประกันรับรวม 21,540 ล้านบาท และในปี 53 ตั้งเป้าหมายทีจะเติบโตของเบี้ยประกันภัยถึงร้อยละ 42 ด้วยเบี้ยประกันรวม 30,550 ล้านบาท