ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 ม.ค.) แต่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนเนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดเป็นสมัยที่สอง
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนลง 0.09% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4150 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.4137 ยูโร/ดอลลาร์ และอ่อนตัวลง 0.16% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0396 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0413 ฟรังค์/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์ร่วงลง 0.79% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.6234 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.6107 ปอนด์/ดอลลาร์ แต่ดอลลาร์ดีดตัวขึ้น 0.37% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 90.220 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 89.890 เยน/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.43% แตะที่ 0.9046 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันศุกร์ที่ 0.9007 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.59% แตะที่ 0.7142 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7100 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนเนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่าเบอร์นันเก้จะได้รับเสียงสนับสนุนให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดต่ออีกสมัย หลังจากวุฒิสมาชิกแม็กซ์ โบคัส ประธานคณะกรรมาธิการด้านการเงินแห่งวุฒิสภาสหรัฐ และวุฒิสมาชิกไดแอน เฟ็นสเต็น จากรัฐแคลิฟอร์เนีย ยืนยันว่า พวกเขาจะสนับสนุนการแต่งตั้งเบอร์นันเก้ให้เป็นประธานเฟดสมัยที่สอง
นอกจากนี้ เดวิด เอ็กเซลร็อด ที่ปรึกษาอาวุโสของทำเนียบขาวระบุว่า เบอร์นันเก้มีฐานเสียงมาพอที่จะรั้งตำแหน่งได้อีกครั้ง
ขณะที่ค่าเงินเยนได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) กำลังพิจารณาขยายโครงการเงินกู้ฉุกเฉินสำหรับธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศ และจะเพิ่มวงเงินซื้อพันธบัตรรัฐบาลหากเศรษฐกิจยังไม่ส่งสัญญาณการฟื้นตัว
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าบีโอเจจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.1% ในการประชุมนโยบาย 2 วันซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ และคาดว่าบีโอเจจะจับตาสถานการณ์เงินเยนที่แข็งค่าอย่างใกล้ชิด
กลุ่มวิจัยตลาด Gfk เปิดเผยผลสำรวจที่ได้จากการสอบถามผู้บริโภคชาวเยอรมนี 2,000 คน ซึ่งบ่งชี้ว่า ดัชนีคาดการณ์ความเชื่อมั่นผู้บริโภคชาวเยอรมนีเดือนก.พ.อยู่ที่ระดับ 3.2 จุด ซึ่งลดลงจากระดับ 3.4 จุดในเดือนม.ค. หลังจากเมื่อปีที่แล้ว เศรษฐกิจเยอรมนีซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปหดตัวลง 5% ซึ่งนับเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2