บริษัท เทมเพิลตัน แอสเซท เมเนจเมนท์ ของมาร์ค โมเบียส คาดว่า อินโดนีเซียซึ่งมีตลาดหุ้นที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นอันดับ 2 ในเอเชียปีนี้ มีความพร้อมที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกประเทศตลาดเกิดใหม่ในกลุ่ม BRIC (บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน) เนื่องจากสถานการณ์ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองของอินโดนีเซียมีเสถียรภาพอย่างเห็นได้ชัดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นอินโดนีเซียทะยานขึ้น 87% ในปี 2552 เนื่องจากเศรษฐกิจอินโดนีเซียฟื้นตัวขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย หลังจากธนาคารกลางอินโดนีเซียลดดอกเบี้ยถึง 9 ครั้ง นอกจากนี้ ประธานาธิบดีบัมบัง ยุดโดโยโน ยังกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนด้วยการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวได้กว่า 6%ต่อปี ภายในระยะเวลา 2 ปีจนถึงปี 2551
ประธานาธิบดียุดโดโยโนคาดว่า เศรษฐกิจอินโดนีเซียจะขยายตัวโดยเฉลี่ย 6.6% ในอีก 5 ปีข้างหน้า ขณะที่อัตราว่างงานและจำนวนคนยากจนมีแนวโน้มลดลง นอกจากนี้ อัตราการขยายตัวที่แข็งแกร่งยังทำให้ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศเพิ่มอันดับเครดิตอินโดนีเซียขึ้นอีก 1 ขั้น เนื่องจากอินโดนีเซียสามารถปรับสมดุลบัญชีรายจ่ายและรายรับได้เป็นอย่างดี
EPFR Global ซึ่งเป็นองค์กรที่ติดตามความเคลื่อนไหวของกองทุนทั่วโลกเปิดเผยว่า ประเทศตลาดเกิดใหม่ในกลุ่ม BRIC ขยายตัวแข็งแกร่งในปี 2552 และจะยังคงเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในปี 2553 อควิตี้ฟันด์ในกลุ่ม BRIC สามารถทำได้รายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 182 ล้านดอลลาร์
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซียรายงานว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2553 นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิในตลาดหุ้นอินโดนีเซียแล้วทั้งสิ้น 6.66 แสนล้านรูเปียห์ หรือ 71 ล้านดอลลาร์สหรัฐ