นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทยธปท.) กล่าวว่า ขณะนี้ธปท.ยังไม่เห็นสัญญาณภาวะฟองสบู่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจของไทย แต่ก็จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไปเพื่อความไม่ประมาท
"เวลาเกิดปัญหาต้องใช้ยาขมหม้อใหญ่ ซึ่งมันจะสร้างความเจ็บปวดอย่างมากตามมา ธปท.ก็จะเข้าไปดูแลอย่างเป็นประจำ"นางธาริษา กล่าว
ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า จากการที่เศษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้น การดำเนินนโยบายการเงินการคลังแบบผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเหมือนกับปีที่ผ่านมาจึงมีความจำเป็นน้อยลง
ดังนั้น ในปีนี้ภาครัฐจะเผชิญกับความท้าทายเรื่องการเลือกจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการทยอยลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเพราะหากดำเนินการเร็วเกินไปก็อาจส่งผลเสียต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในทางกลับกันหากใช้นโยบายผ่อนคลายนานเกินไปก็อาจทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อหรือภาวะฟองสบู่ได้ ซึ่งเป็นอันตรายต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจในอนาคตได้
พร้อมกล่าวถึงการที่รัฐบาลยกเลิกมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพในเดือน มี.ค.นี้ว่า มาตรการดังกล่าวเป็นส่วนนหนึ่งของมาตรการการคลังทั้งหมด ดังนั้น หากเศรษฐกิจฟื้นตัวก็คงทยอยยกเลิกไป เพราะการลดค่าครองชีพหลักๆ แล้วทำในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อสูงเมื่อปี 51 แต่ตอนนี้ปัจจัยเสี่ยงเงินเฟ้อลดลงไปมาก
นางธาริษา กล่าวว่า ธปท.ขอให้ความมั่นใจว่าจะดูแลการปรับอัตราดอกเบี้ยให้เป็นไปอย่างราบรื่น โดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยไม่จำเป็น