นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีมีข่าวว่ากระทรวงพาณิชย์ล็อคสเปคผู้ส่งออกเพื่อปรับปรุงสภาพข้าว และบรรจุถุงข้าวสารที่จะส่งไปช่วยเหลือประชาชนชาวเฮติว่า จำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนในการหาภาคเอกชนที่มีความชำนาญเป็นพิเศษปรับปรุงสภาพ และบรรจุถุงข้าวสาร เพื่อให้ทันต่อการขนส่งทางเครื่องบินในวันที่ 1 ก.พ.นี้ ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนหน้านี้ จึงต้องจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ ซึ่งหนีไม่พ้นที่จะเกิดข้อครหาล็อคสเปคขึ้นได้
"เราต้องบรรจุข้าวล็อตแรก 100 ตันให้ทันต่อการขนส่งวันที่ 1 ก.พ.นี้ ตามมติครม. ซึ่งนายกรัฐมนตรีกำชับเรื่องนี้มาก ถ้าเราทำไม่ทันก็เสียชื่อประเทศชาติ จึงต้องจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ ถ้าไม่ใช้วิธีนี้จะทำไม่ทัน ตอนนี้ คณะทำงาน ที่มีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน อยู่ระหว่างการดำเนินการ ยังไม่ทราบว่า มีเอกชนกี่รายที่จะได้ปรับปรุง ยังไม่ทราบรายละเอียดอะไรเลย" นางพรทิวา กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้จะใช้การจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ แต่ดำเนินการภายใต้พ.ร.บ.ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีทุกขั้นตอน ไม่ถือว่าผิดอะไร สำหรับข้าวล็อตแรกจำนวน 100 ตันนั้น คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 16.28 ล้านบาท แบ่งเป็นต้นทุนข้าวขาว 5% ตันละ 16,000 บาท รวม 16 ล้านบาท และค่าปรับปรุง และบรรจุถุงอีก 280,000 บาท โดยใช้งบจากงบกลางของรัฐบาล ส่วนล็อตต่อไป จะใช้วิธีการใดก็เป็นเรื่องที่คณะทำงาน จะพิจารณา
นางพรทิวา กล่าวต่อถึงปัญหาน้ำตาลทรายในประเทศว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน ตรวจสอบในเชิงลึกว่ามีผู้ค้ารายใดกักตุนน้ำตาลทราย หรือมีการสลับสับเปลี่ยนโควตาหรือไม่ เพราะเกรงว่า หลังจากราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น อาจทำให้เกิดปัญหากักตุน ปฏิเสธการขาย หรือนำน้ำตาลในประเทศไปส่งออกแทน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนได้ คาดว่า สัปดาห์หน้าจะได้ผลสรุปทั้งหมด