บรรดานายธนาคารที่เข้าร่วมประชุมเศรษฐกิจโลกที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กล่าวแสดงความเห็นว่า บริษัทในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่จะเป็นแกนนำในการผลักดันธุรกรรมการควบรวมกิจการและเข้าซื้อหุ้น เนื่องจากหลายประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ รวมถึงบราซิล อินเดีย และจีน มีอัตราการขยายตัวที่แข็งแกร่ง
นายซาเด็ค ซาอีด ผู้บริหารฝ่ายกิจการยุโรปของธนาคารโนมูรุ โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า ในบรรดาบริษัทที่ควบรวมกิจการกันนั้น มีอยู่เป็นจำนวนมากที่มาจากกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ สัดส่วนการออมและเงินทุนในภูมิภาคเอเชียอยู่ในระดับที่ดี เนื่องจากหลายประเทศ รวมทั้งอินเดีย มีระบบธรรมาภิบาลแบบเดียวกับชาติตะวันตก
ด้านนายปีเตอร์ เวนเบิร์ก ผู้ร่วมก่อตั้ง Perella Weinberg Partners LP ซึ่งเป็นอินเวสท์เมนท์แบงค์รายใหญ่ในนิวยอร์ก กล่าวว่า ในระยะใกล้นี้ ธุรกรรมการควบรวมกิจการและเข้าซื้อหุ้นจะกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะในอินเดีย บราซิล และจีน
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ผลกำไรของบริษัทเอกชนในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่จะพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง 40% ในปีนี้ และจะทำให้ราคาหุ้นของบริษัทเหล่านี้ทะยานขึ้นตามไปด้วย โดยนักวิเคราะห์จากฟอร์ติส อินเวสท์เมนท์ในเมืองบอสตันของสหรัฐ กล่าวว่า ผลกำไรของบริษัทเอกชนในกลุ่มตลาดเกิดใหม่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นราว 35 - 40% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัว
ดัชนี MSCI Emerging Markets Index ทะยานขึ้นแข็งแกร่งถึง 75% ในปี 2552 ทำสถิติพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการคำนวณดัชนีในปี 2531 หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่ไล่ตั้งแต่จีนไปจนถึงบราซิล ฟื้นตัวขึ้นหลังจากถูกกระทบอย่างหนักจากวิกฤตการณ์การเงินโลก และ ณ เวลา 10.40 น.ตามเวลาสิงคโปร์ในวันนี้ ดัชนี MSCI Emerging Markets Index ดีดตัวขึ้น 0.5%