นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในย่านวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) ประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 13,000 คน เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวในปี 2553 แต่คาดว่าอัตราว่างงานจะยังคงยืนอยู่ที่ระดับ 10% ในเดือนม.ค.
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐไตรมาส 4 ปี 2552 ขยายตัวในอัตรา 5.7% ต่อปี ซึ่งทำสถิติขยายตัวสูงสุดในรอบกว่า 6 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 4.6% สะท้อนให้เห็นถึงการลงทุนภาคเอกชนในสหรัฐที่ฟื้นตัวดีขึ้น รวมไปถึงการส่งออกและการใช้จ่ายผู้บริโภคที่เริ่มคึกคัก
นักวิเคราะห์จากบาร์เคลย์ส แคปิตอล ในนิวยอร์กกล่าวว่า เศรษฐกิจที่ขยายตัวแข็งแกร่งขึ้น 5.7% ในไตรมาส 4 อาจกระตุ้นการจ้างงานในสหรัฐ ในขณะที่ภาคเอกชนเพิ่มปริมาณสินค้าในสต็อกและลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่ๆมากขึ้น
ส่วนตัวเลขจ้างงานเดือนธ.ค.ปี 2552 ปรับตัวลดลงเกินคาด 85,000 คน โดยภาคส่วนที่มีการปลดพนักงานมากที่สุดคือภาคการก่อสร้าง การผลิต และการค้าส่ง ขณะที่อัตราว่างงานเดือนธ.ค.อยู่ที่ระดับ 10%
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ ยืนยันในระหว่างแถลงนโยบายประจำปีเมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลสหรัฐจะเดินหน้าใช้นโยบายกระตุ้นการจ้างงาน โดยย้ำว่านโยบายการสร้างงานจะเป็นเป้าหมายหลักสำหรับปี 2553 พร้อมกับเรียกร้องให้สภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นการจ้างงานฉบับใหม่ นอกจากนี้ โอบามากล่าวว่า สหรัฐมีแนวโน้มที่จะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านตำแหน่งในปีนี้