PTT เปิดใช้คลังลอยน้ำเพิ่มขีดความสามารถรองรับความต้องการใช้ที่สูงขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ Monday February 1, 2010 10:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ปตท.(PTT) นำเข้าก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) โดยใช้คลังลอยน้ำเป็นครั้งแรกในปีนี้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการนำเข้าแอลพีจีไว้ตอบสนองความต้องการใช้ในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเกินขีดความสามารถปัจจุบันของคลังก๊าซเขาบ่อยา ซึ่งเป็นคลังรองรับการนำเข้าแอลพีจีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยสูบถ่ายแอลพีจีจากเรือนำเข้าเป็นคลังลอยน้ำและจ่ายลงเรือลำเลียง พร้อมทั้งดำเนินการผสมโพรเพนกับบิวเทน และจ่ายแอลพีจีลงเรือลำเลียงในรูปแบบการขนถ่ายระหว่างเรือ(Ship to Ship) เป็นครั้งแรกของปีนี้

"กระทรวงพลังงานตระหนักดีถึงปัญหาเรื่องแอลพีจีที่ประเทศต้องเผชิญอยู่ขณะนี้และเฝ้าระวังมาตลอดเพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชนและภาคธุรกิจ ซึ่งที่ผ่านมา ปตท.ได้ทำหน้าที่ในเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างดี แต่ต้องยอมรับว่าราคาแอลพีจีในตลาดโลกเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ และปรับสูงขึ้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งย่อมกระทบต่อกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต้องนำมาใช้ในการตรึงราคา" นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน กล่าวในพิธีเปิดการสูบถ่ายแอลพีจีจากคลังลอยน้ำ (Floating Storage Unit) ลงเรือลำเลียง

ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างหาแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องดังกล่าว โดยได้ขอความร่วมมือทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการในเรื่องของการจัดหาแอลพีจีให้เพียงพอในทุกภาคส่วน โดยให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และกระทบกับภาคประชาชนน้อยที่สุด

รมว.พลังงาน กล่าวว่า ความต้องการแอลพีจีเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปี 51 อันเนื่องมาจากความผันผวนของราคาน้ำมัน ประกอบกับโครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 ของ PTT ยังอยู่ภายใต้คำสั่งระงับโครงการของศาลปกครองจึงไม่สามารถดำเนินการได้ตามแผน ทำให้คาดการณ์ว่าในปีนี้จะต้องมีการนำเข้าแอลพีจีสูงกว่า 1 แสนตัน/เดือน ซึ่งเป็นปริมาณมากเกินกว่าที่คลังแอลพีจี ปตท.ที่เขาบ่อยา จ.ชลบุรี จะรองรับได้

"คณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.) จึงได้เห็นชอบให้กระทรวงพลังงานประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับกฎระเบียบ เพื่อสนับสนุนให้ ปตท.สามารถนำเข้าแอลพีจีโดยการใช้คลังลอยน้ำและการขนถ่ายระหว่างเรือ" นพ.วรรณรัตน์ กล่าว

ด้านนายปรัชญา ภิญญาวัธน์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย PTT กล่าวว่า ประเทศไทยต้องเปลี่ยนจากผู้ส่งออกแอลพีจีมาเป็นผู้นำเข้าตั้งแต่ปี 51 เป็นต้นมา โดย PTT ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดำเนินการนำเข้าแอลพีจีจากต่างประเทศในส่วนที่ขาดเพื่อป้องกันปัญหาการขาดแคลนที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจและความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่ง PTT ได้ดำเนินการนำเข้าเป็นครั้งแรกเมื่อเดือน เม.ย.51 และดำเนินการต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยต้องนำเข้าในปริมาณที่สูงขึ้นเรื่อยๆ รวมปริมาณการนำเข้าจนถึงปัจจุบัน(ม.ค.53) แล้ว 1.3 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท

สำหรับในปี 53 คาดการณ์ว่าการนำเข้าแอลพีจีจะเพิ่มสูงขึ้นจนเกินขีดความสามารถปัจจุบันของคลังก๊าซเขาบ่อยา ซึ่งเป็นคลังรองรับการนำเข้าแอลพีจีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ PTT ในฐานะผู้ดำเนินการคลังก๊าซเขาบ่อยาจึงได้เตรียมความพร้อมในการรองรับเพิ่มเติมด้วยการใช้เรือนำเข้าเป็นคลังลอยน้ำ โดยการดำเนินการครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากกระทรวงพลังงาน กรมธุรกิจพลังงาน กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต และกรมเจ้าท่า

"แม้ว่าในปัจจุบันโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 จะมีความพร้อมในการผลิตแอลพีจี แต่ยังต้องรอความชัดเจนในกฎเกณฑ์การดำเนินงานตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 2 ซึ่งหากเร่งรัดให้ได้ข้อสรุปในประเด็นดังกล่าวโดยเร็ว ด้วยกำลังการผลิตกว่า 1 ล้านตันต่อปีของโรงแยกก๊าซหน่วยที่ 6 ก็จะสามารถช่วยลดปริมาณการนำเข้า และลดภาระเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันฯได้" นายปรัชญา กล่าว

นอกจากนี้ PTT ยังได้ปรับเลื่อนการหยุดซ่อมบำรุงของโรงแยกก๊าซหน่วยที่ 1, 2, 3 และ 5 ออกไป เพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์เพิ่มเติมอีกทางหนึ่งด้วย และยืนยันว่ามีความพร้อมในการผลิต จัดหา และจัดส่งปิโตรเลียม เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ