สหรัฐคาดบราซิล-เวเนซูเอลานำเข้าข้าวมากขึ้นในปีนี้ เหตุเอลนินโญกระทบผลผลิตในประเทศ

กลุ่มเกษตรผู้ปลูกข้าวชาวสหรัฐคาดบราซิล เวเนซูเอลา และโคลัมเบียอาจเพิ่มการนำเข้าข้าวในปีนี้ เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนินโญส่งผลกระทบต่อผลผลิตข้าวในประเทศ

ประธานสมาคมผู้ปลูกข้าวของสหรัฐอ้างข้อมูลจากสัญญาซื้อขายข้าวในประเทศว่า บราซิลอาจเริ่มซื้อข้าวในเดือนนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ยอดนำเข้าข้าวตลอดทั้งปีอยู่ที่ 1 ล้านตัน และคาดว่าในปีนี้บราซิลจะขาดแคลนผลผลิตข้าวราว 10-30% เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูก โดยเฉพาะแหล่งปลูกข้าวสำคัญในบราซิลที่มีผลผลิตข้าว 6 ล้านตัน หรือประมาณเกือบครึ่งของผลผลิตทั้งหมดภายในประเทศ

ด้านกระทรวงเกษตรของสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราการนำเข้าข้าวของบราซิลอาจเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 750,000 ตัน จากระดับ 550,000 ตันในปีที่แล้ว พร้อมทั้งคาดว่า ยอดนำเข้าข้าวที่เพิ่มขึ้นอาจช่วยระบายสต็อกข้าวในตลาดโลกให้ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2549-2550 อีกทั้งยังช่วยพยุงราคาข้าวได้ส่วนหนึ่ง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สัญญาซื้อขายข้าวล่วงหน้าที่ตลาดชิคาโก้ในเดือนธ.ค.พุ่งสูงขึ้น 16.27 ดอลลาร์ต่อ 100 ปอนด์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี และทะยานขึ้น 45% จากระดับต่ำสุดที่ 11.195 ดอลลาร์ในเดือนมี.ค.

สำหรับการนำเข้าข้าวของเวเนซูเอลาในปีนี้อาจพุ่งสูงสุดที่ 500,000 ตันเมื่อเทียบกับปีที่แล้วซึ่งนำเข้าข้าวเพียง 190,000 ตัน ส่วนโคลัมเบียอาจนำเข้าข้าว 100,000 ตัน น้อยกว่าปีก่อนนี้ที่นำเข้ามาในปริมาณ 125,000 ตัน

ขณะเดียวกันทางฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่สุดได้ซื้อข้าวกักตุนไว้ล่วงหน้า โดยในปีนี้ ฟิลิปปินส์ได้ทำสัญญานำเข้าข้าวจากต่างประเทศ 2.2 ล้านตัน แต่ถึงกระนั้นก็อาจต้องเพิ่มการนำเข้าอย่างมากถึง 3 ล้านตัน หากประเทศเผชิญกับปรากฏการณ์เอลนินโญที่ส่งผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตร