นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ยอดการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนธ.ค.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 1% หลังจากดิ่งลงรุนแรง 16% ในเดือนธ.ค. อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าแม้ยอดการทำสัญญาขายบ้านมีแนวโน้มกระเตื้องขึ้นในเดือนธ.ค. แต่ภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐอาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งจึงจะฟื้นตัวอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ความต้องการซื้อบ้านพุ่งทะยานขึ้นในปีที่แล้ว เนื่องจากผู้ซื้อบ้านหลังแรกได้ประโยชน์จากนโยบายลดภาษี 8,000 ดอลลาร์ของรัฐบาล ซึ่งนโยบายดังกล่าวหมดอายุลงเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี รัฐบาลสหรัฐได้ขยายระยะเวลาการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ซื้อบ้านใหม่จากเดิมที่หมดอายุในวันที่ 30 พ.ย.2552 ไปเป็นวันที่ 30 มิ.ย.2553 พร้อมทั้งเพิ่มเงินอุดหนุนที่ครอบคลุมถึงผู้ที่อยู่บ้านหลังเดิม ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นยอดขายบ้านของสหรัฐในช่วงเดือนต่อๆไปให้พุ่งสูงขึ้นอีก
สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐจะเปิดเผยยอดการทำสัญญาขายบ้านเดือนธ.ค.ในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย
ก่อนหน้านี้ทางการสหรัฐรายงานว่ายอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค. ร่วงลง 7.6% แตะที่ 342,000 หลัง จากระดับ 370,000 หลังในเดือนพ.ย. ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ายอดขายบ้านใหม่จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 370,000 หลังในเดือนธ.ค. ส่วนยอดขายบ้านมือสองในเดือนธ.ค.นั้น ร่วงลง 17%