บิสิเนส ราวด์เทเบิล (Business Roundtable) ซึ่งเป็นสมาคมผู้บริหารระดับสูงภาคเอกชนในสหรัฐ คาดการณ์ว่า แบงก์ ออฟ อเมริกา, เอ็กซอนโมบิล และไมโครซอฟท์ จะเป็นหนึ่งในหลายบริษัทที่ต้องจ่ายเงินภาษีเพิ่ม 4 แสนล้านดอลลาร์ตามร่างงบประมาณมูลค่า 3.8 ล้านล้านดอลลาร์ที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามายื่นต่อสภาคองเกรสในวันนี้
โอบามาต้องการเรียกเก็บภาษี 50 สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ซึ่งจะทำให้สถาบันการเงินเหล่านี้มีต้นทุนค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 9 หมื่นล้านดอลลาร์ รวมถึงเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และแบงก์ ออฟ อเมริกา นอกจากนี้ โอบามายังเสนอให้ยกเลิกนโบบายลดหย่อนภาษีของบริษัทพลังงาน รวมถึงเอ็กซอนโมบิล ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่สุดของสหรัฐ และเรียกเก็บภาษีกำไรจากการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศของบริษัทสหรัฐ รวมถึงไมโครซอฟท์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟแวร์รายใหญ่สุดของโลก
จอห์น คาเตลลานี ประธานบิสิเนส ราวด์เทเบิลกล่าวแสดงความเห็นว่า การขึ้นภาษีจะทำลายเป้าหมายการกระตุ้นยอดส่งออกและการสร้างงานของโอบามา เพราะการขึ้นภาษีทำให้ต้นทุนของบริษัทต่างๆเพิ่มขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม บิสิเนส ราวด์เทเบิลคาดว่า เจนเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ผู้ผลิตอุปกรณ์พลังงานทางเลือกใหม่ จะได้ประโยชน์จากนโยบายการพัฒนาเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน และบริษัท อินชัวเรอร์ อเมริกัน กรุ๊ป จะได้ประโยชน์จากการขยายโครงการ Medicaid ซึ่งเป็นโครงการสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ
ประธานาธิบดีโอบามาได้ยื่นร่างงบประมาณประจำปี 2553 มูลค่ารวม 3.8 ล้านล้านดอลลาร์ต่อสภาคองเกรสในวันนี้ โดยมุ่งเน้นการนำงบประมาณไปใช้ในการสร้างงานเป็นหลัก ควบคู่ไปกับการขึ้นภาษีสำหรับครัวเรือนที่มีรายได้สูงกว่า 250,000 ดอลลาร์/ปี และเก็บค่าธรรมเนียมจากธนาคารที่ได้ประโยชน์จากการช่วยเหลือทางการเงินของรัฐบาล ซึ่งคาดว่าจะทำให้จัดเก็บรายได้มากกว่า 8 แสนล้านดอลลาร์ พร้อมกับยกเลิกนโยบายลดหย่อนภาษีอุตสาหกรรมน้ำมัน ก๊าซ และถ่านหิน