นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ใน 1-2 วันนี้อัยการสูงสุดจะเป็นตัวแทนของภาครัฐไปยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อขอให้ศาลยกเว้นคำสั่งระงับโครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดให้เฉพาะโครงการที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างใหม่แต่ยังไม่ได้เปิดดำเนินการให้สามารถเดินหน้าก่อสร้างต่อไปได้ คาดว่าจะมีจำนวน 29 โครงการ
เนื่องจากเห็นว่าขั้นตอนการก่อสร้างโรงงานหรืออาคาร ยังไม่ได้ก่อให้เกิดมลภาวะ หรือส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและอนามัยของคนภายในชุมชน ซึ่งแนวนโยบายนี้เป็นของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่สั่งการล่าสุดลงมาที่สำนักงานอัยการสูงสุด
ในคำร้องนั้นอัยการสูงสุดจะระบุรายละเอียดให้ศาลฯ ทราบอย่างชัดเจนว่าโครงการใดใน 29 โครงการกำลังยื่นขอก่อสร้าง หรือกำลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง และหากอยู่ระหว่างก่อสร้างจริง ได้ดำเนินการก่อสร้างไปแล้วกี่เปอร์เซ็นต์ และการที่หยุดก่อสร้างได้สร้างความเสียหายเป็นมูลค่าเท่าใด
"ตัวตึกหรือตัวโรงงานในระหว่างก่อสร้างไม่ได้มีมลภาวะ มันไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพหรืออนามัยของใคร เราก็ขอว่าโครงการที่มีอยู่เดิม เราจะยังไม่ประกอบการตามคำวินิจฉัยของศาล แต่จะขอก่อสร้างไปก่อน ซึ่งเป็นนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่สั่งการมายัง"นายจุลสิงห์ ให้สัมภาษณ์ในรายการวิทยุเช้านี้
นายจุลสิงห์ กล่าวว่า อัยการสูงสุดจะขอศาลฯ เพื่อให้ตีความหมายของคำว่า"ระงับ"หมายถึงการระงับการประกอบกิจการ ซึ่งยังไม่ใช่การระงับการก่อสร้าง เพราะการที่ภาคเอกชนต้องระงับการก่อสร้างไป ส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน และความเสียหายของประเทศในภาพรวม
"เราจะขอศาลฯ ว่า ระงับแปลว่าระงับการเปิดกิจการ ระงับการประกอบกิจการ แต่ชั้นนี้ โครงการที่ยังก่อสร้างอยู่ ก็ขอก่อสร้างให้เสร็จ หรือถ้ากำลังจะสร้าง ก็ขอสร้างไปเถอะ เพื่อความเสียหายจะได้ไม่เกิด ตัวโรงงานมันเป็นตัวตึกไม่ได้มีมลภาวะ ไม่มีอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัย แต่ถ้าหยุดการก่อสร้างจะเสียหายแก่ประเทศโดยภาพรวม" นายจุลสิงห์ กล่าว