แอร์บัส เอสเอเอส และ โบอิ้ง โค สองผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของโลกคาดการณ์ว่า ดีมานด์เครื่องบินพาณิชย์ทั่วโลกจะหดตัวลงไปอีกอย่างน้อย 2 ปี หรือถึงปี 2555 เนื่องจากอัตราการขยายตัวในอุตสาหกรรมสายการบินชะลอตัวลง หลังจากการใช้บริการเดินทางทางอากาศดิ่งลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์
แอร์บัสคาดว่า บริษัทจะได้ยอดสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์ราว 250-300 ลำในปีนี้ ซึ่งปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นปีที่ 3 หลังจากเคยทำยอดสั่งซื้อสูงสุดที่ 1,458 ลำในปี 2550 ขณะที่โบอิ้งกล่าวว่ายอดสั่งซื้อเครื่องบินของบริษัทจะลดลงเช่นกัน เนื่องจากสายการบินทั่วโลกชะลอแผนการขยายฝูงบินและลดเที่ยวบินลง ภายหลังจากการเดินทางทางอากาศระหว่างประเทศลดลง 3.5% ในปีที่แล้ว ซึ่งทำสถิติหดตัวลงหนักสุดนับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
สมาคมขนส่งทางอากาศนานาชาติ (IATA) คาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมสายการบินทั่วโลกอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปีจึงจะฟื้นตัวจากภาวะถดถอยที่เป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกหดตัวรุนแรง โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมสายการบินทั่วโลกขาดทุนโดยรวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ และรายได้โดยรวมปี 2552 หดตัวลง 8 หมื่นล้านดอลลาร์
IATA คาดการณ์ว่า สายการบินทั่วโลกจะขาดทุนโดยรวม 5.6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2553 โดยคาดว่าบริติช แอร์เวย์ส ซึ่งเป็นสายการบินรายใหญ่อันดับ 3 ของยุโรป จะขาดทุนในปี 2553 มากกว่าที่ขาดทุนในปี 2552
สายการบินหลายแห่ง รวมถึงสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส เปิดเผยว่า ยอดการจองตั๋วเครื่องบินปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับต่ำสุดของปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ยอมรับว่ายังเร็วเกินไปที่จะระบุว่าภาวะซบเซาในอุตสาหกรรมการบินได้สิ้นสุดลงแล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังเผชิญกับความไม่แน่นอน