(เพิ่มเติม) "ไตรรงค์"ตีกรอบแก้มาบตาพุดจบใน 5 เดือน ย้ำความมั่นใจญี่ปุ่นไม่ย้ายฐาน

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday February 4, 2010 14:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยภายหลังการเข้าพบของประธานองค์การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของญี่ปุ่น(JETRO) ว่า เจโทรได้สอบถามความชัดเจนของรัฐบาลไทยต่อการแก้ไขปัญหาโครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดที่ถูกศาลสั่งระงับดำเนินการ แต่อย่างไรก็ดี ยังไม่ได้คิดที่จะถอนการลงทุนออกจากประเทศไทย

รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงว่ารัฐบาลพยายามผลักดันให้มีกฎระเบียบและเจ้าภาพที่ชัดเจนให้แล้วเสร็จภายใน 5 เดือน และทันภายในสมัยการประชุมสภาฯ นี้ แต่ระหว่างการดำเนินการได้จัดตั้งคลินิกให้คำปรึกษากับโครงการลงทุนที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ในการยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อขอดำเนินโครงการต่อไปได้

ด้านประธานเจโทร แสดงความพอใจที่รัฐบาลไทยพยายามเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมกันนี้ยังแสดงความเป็นห่วงสถานการณ์ทางการเมืองของไทย โดยเฉพาะกรณีการขัดขวางการประชุมอาเซียน โดยไม่ต้องการเห็นความรุนแรงเช่นในอดีตเกิดขึ้นอีก

"คณะฯ ได้พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทางการเมืองในอดีต ซึ่งเขาไม่สบายใจ เช่น การล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนที่พัทยา ในช่วงเดือน เม.ย.52 ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่เขาไม่สบายใจและคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น และเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งเขาไม่อยากเห็นเหตุการณ์อย่างนั้นอีก เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่ยังน่าลงทุนอยู่" รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

นายไตรรงค์ กล่าวด้วยว่า คนญี่ปุ่นอยากเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมาก เนื่องจากไทยมีบรรยากาศการลงทุนที่ดี ซึ่งคนญี่ปุ่นบอกว่าเมื่อเข้ามาอยู่ในเมืองไทยแล้วมีความสุข ซึ่งนี่คือลักษณะเด่นของประเทศไทย แต่เมื่อเกิดปัญหาเรื่องมาบตาพุด นักลงทุนญี่ปุ่นได้รับผลกระทบทั้งในทางตรงและทางอ้อม

นายไตรรงค์ กล่าวว่า รัฐบาลจะต้องแก้ไขกติกาต่างๆ ให้เป็นไปตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญปี 50 ตามมาตรา 67 วรรคสอง ซึ่งรัฐบาลได้ชี้แจงถึงสิ่งที่ได้จัดทำไปเช่นแล้ว เช่น การจัดตั้งคณะกรรมการองค์กรกลาง หรือจะเป็นกฎกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว อีกทั้งรัฐบาลได้ประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประเมินผลกระทบต่อสุขอนามัยที่ออกเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ดี จะมีการจัดตั้งองค์กรของเอกชนที่อิสระเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มีทั้งหมด 37 มาตรา ขณะนี้ดำเนินการไปแล้ว 8 มาตรา ซึ่งจะเร่งให้เร็วที่สุดเพื่อเข้าสู่สภาฯ และรัฐบาลจะผลักดันให้ผ่านในสมัยประชุมนี้ให้ได้ หลังจากนั้นเชื่อว่ากฎเกณฑ์ต่างๆ คงจะพร้อมในอีก 5 เดือน และสามารถกำหนดได้ว่าหน่วยงานใดทำหน้าที่รักษากฎเกณฑ์ดังกล่าว เพราะสิ่งที่เจโทรต้องการทราบคือความชัดเจนของกฎเกณฑ์ และหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแล ซึ่งทั้งหมดนี้นักลงทุนญี่ปุ่นพร้อมที่จะปฏิบัติตาม

รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การที่มองว่ากรอบกติกาน่าจะชัดเจนภายใน 5 เดือนนั้น เพราะเห็นว่าสมัยประชุมสภาฯ นี้มีระยะเวลาประมาณ 4 เดือน ซึ่งคาดว่า ส.ส.จากทุกพรรคน่าจะให้ความร่วมมือในการผลักดันกฎหมายดังกล่าวให้ผ่านได้ภายในสมัยประชุมนี้ ซึ่งเมื่อมีกรอบเวลาที่ชัดเจนแล้ว เชื่อว่าจะทำให้นักลงทุนญี่ปุ่นตัดสินใจได้ไม่ต้องย้ายฐานการลงทุน และไม่มีการยื่นคำขาดกับรัฐบาล

"กฎเกณฑ์น่าจะชัดเจนภายใน 5 เดือน ทั้งหมดเหลืออีก 64 โครงการ ตามที่ศาลยกเว้นให้ 10 โครงการ เหลืออีก 60 กว่าโครงการไม่ได้หมายความว่าต้องรอให้กฎเกณฑ์พร้อม เพราะบางโครงการไม่เข้ากรอบของกฎหมาย ตอนนี้รัฐบาลตั้งคลินิกพิเศษดูแลนักลงทุน ให้อัยการสูงสุดเป็นที่ปรึกษา ซึ่งจะยื่นคำร้องขอผ่อนผันต่อศาลฯทำการก่อสร้างต่อ ยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องรอกฎเกณฑ์ให้ครบอีก 5 เดือนก็สามารถดำเนินการต่อไปได้ ระหว่างนี้เราอาจจะได้รับการผ่อนปรน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับศาลจะพิจารณาอย่างไร นายไตรรงค์ กล่าว

อย่างไรก็ดี ในวันพรุ่งนี้(5 ก.พ.) เจโทรจะประกาศผลสำรวจความคิดเห็นของบริษัทญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ