หลี่ ซินจวง หัวหน้าสถาบันวิจัยและวางแผนอุตสาหกรรมโลหจีน และที่ปรึกษารัฐบาลจีนเผยจีนอาจจะยกเลิกแผนการผลักดันบริษัทเหล็กขยายโรงงานให้มีขนาดใหญ่เหมือนกับอาร์เซลอร์มิตตาล ผู้ผลิตเหล็กชั้นนำของโลก แต่จะหันมาดูแลให้โรงถลุงเหล็กในประเทศให้ความสำคัญกับการยกระดับเทคโนโลยี การปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์และสิ่งแวดล้อมแทน
หลี่กล่าวว่า ธุรกิจขนาดใหญ่นั้นไม่จำเป็นว่าจะต้องดีเสมอไป อาร์เซลอร์เองก็ได้รับผลกระทบอย่างมากเมื่อปีที่แล้ว
การทบทวนท่าทีดังกล่าวถือเป็นการตอกย้ำถึงจุดยืนของจีนในการปิดโรงเหล็กที่ล้าสมัย และเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อเพื่อควบคุมไม่ให้เกิดภาวะการผลิตมากจนเกินไปจนส่งผลกระทบต่อตัวเลขกำไรของบริษัทเหล็กในประเทศ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า อาร์เซลอร์มิตตาลอาจจะขาดทุนถึง 389 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว หลังจากที่ดีมานด์เหล็กหดตัวลงอันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย
อาร์เซลอร์มิตตาลสามารถผลิตเหล็กได้ 103.3 ล้านตันเมื่อปี 2552 ขณะที่บริษัท เหอเป่ย ไอออน แอนด์ สตีล กรุ๊ป ซึ่งซื้อกิจการเป๋าสตีลเมื่อปีที่แล้ว ก็ผลิตเหล็กแต่ 40.24 ล้านตัน
หลี่กล่าวว่า รัฐบาลจีนจะมีการเปิดเผยนโยบายอุตสาหกรรมเหล็กนโยบายใหม่ออกมาในเร็วๆนี้ แต่ยังไม่สามารถระบุกรอบเวลาที่แน่นอน ในร่างนโยบายที่มีการจัดทำเมื่อเดือนพ.ย.นั้น รัฐบาลจีนพิจารณาเรื่องการขอให้บริษัทเหล็กควบรวมกิจการกัน เพื่อสร้างโรงงานขึ้นมา 1 หรือ 2 แห่งที่มีความสามารถในการผลิตต่อปี 100 ล้านตัน ภายในปี 2558
นายหลี่กล่าวว่า รัฐบาลจีนอาจจะสนับสนุนบริษัทเหล็กให้รวมกิจการและมีความสามารถในการผลิต 50 ล้านตันแทน โดยในช่วงวิกฤตนั้น บริษัทที่มีขนาดเล็กสามารถทำธุรกิจได้ดีกว่าบริษัทที่มีขนาดใหญ่