ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศปิดโครงการจัดหาสภาพคล่องฉุกเฉินบางส่วน ซึ่งโครงการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะยับยั้งวิกฤตการณ์การเงินที่เป็นผลมาจากปัญหาในตลาดปล่อยกู้เพื่อการซื้อบ้านในปี 2550 โดยโครงการที่เฟดตัดสินใจปิดในครั้งนี้ครอบคลุมถึงการจัดหาสภาพคล่องในตลาดเงิน, ดีลเลอร์ค้าตราสารหนี้ และธนาคารกลางต่างชาติ
รายงานงบดุลรายสัปดาห์ของเฟดระบุว่า งบดุลบัญชีในปัจจุบันของเฟดอยู่ที่ 2.25 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวันที่ 10 ก.ย.2551 ที่ระดับ 9.242 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นช่วง 5 วันก่อนที่เลห์แมน บราเธอร์ส ล้มละลาย
การประกาศปิดโครงการจัดหาสภาพคล่องเป็นหนึ่งในห้านโยบายหลักๆของเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดที่เพิ่งเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานเฟดสมัยที่สองเมื่อวานนี้ โดยเบอร์บันเก้มีจุดหมายที่จะรักษาและเพิ่มพูนเม็ดเงินในดุลบัญชีของเฟด เพื่อให้เฟดมีความสามารถในการรับมือกับวิกฤตการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ในการประชุมเฟดครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดมีมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) อยู่ในกรอบ 0-0.25% พร้อมกับย้ำว่าคณะกรรมการเฟดจะยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อฟื้นฟูภาวะเศรษฐกิจ และเพื่อสกัดกั้นการพุ่งขึ้นของอัตราว่างงานซึ่งปัจจุบันยืนอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี
นอกจากนี้ เฟดยังประกาศชะลอการเข้าซื้อหลักทรัพย์และตราสารหนี้เหล่านี้ และจะปล่อยให้โครงการซื้อหลักทรัพย์สิ้นสุดลงภายในไตรมาสแรกของปี 2553 พร้อมกันนี้ เฟดยังประกาศปิดวงเงินสว็อปสภาพคล่องไปเมื่อวันที่ 1 ก.พ.
อย่างไรก็ตาม เฟดยังคงนโยบายการเข้าซื้อหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกันของหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล รวมถึงแฟนนี เม และเฟรดดี แมค วงเงินรวม 1.25 ล้านล้านดอลลาร์ และจะเข้าซื้อตราสารหนี้ของหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเป็นวงเงิน 1.75 แสนล้านดอลลาร์