นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการลดการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจะติดตามตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจต่าง ๆ อีกระยะหนึ่ง ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะมีการลดการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วขึ้นจากที่เคยคาดไว้ หากข้อมูลต่าง ๆ บ่งชี้ว่าสถานการณ์ปรับตัวดีขึ้นมากแล้ว
"เราจะแสวงหาจังหวะเหมาะสมในการลดการกระตุ้นเศรษฐกิจว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่อย่างไร จะขอรอดูตัวชี้วัดซักระยะหนึ่ง มีความเป็นไปได้จะมีการลดการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยใช้ exit plan เร็วขึ้น ซึ่งได้พุดคุยกันบ้างแล้วกับผู้กำหนดนโยบาย"นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจัดเก็บรายได้ภาครัฐที่เกินเป้าหมาย 2 แสนล้านบาทจะนำไปสู่การปรับแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลคงจะไม่ดำเนินการเร็วจนเกินไป เพราะจะต้องมีการประคับประคองเศรษฐกิจควบคู่กันไปด้วย
ส่วนภาวะเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ การที่สหรัฐอเมริกาประกาศงบประมาณประจำปี 54 ในระดับ 3.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะเน้นการสร้างงานเป็นหลัก และการที่จีนออกมาตรการเข้มงวดเพื่อชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจ เป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความไม่สมดุลของภาวะเศรษฐกิจโลก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การที่สหรัฐกำหนดการขาดดุลงบประมาณสูงเป็นประวัติการณ์ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลสหรัฐมองถึงความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาการว่างงาน ซึ่งแต่ละประเทศก็ต้องตอบสนองการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของตัวเอง ส่วนจะทำอย่างไรให้การแก้ไขปัญหาของประเทศต่าง ๆ เกิดความสมดุลกันนั้นก็มีเวที G20 ให้ประสานได้อยู่แล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงค่าเงินบาทว่า ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า แต่เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ผ่อนคลายหหลักเกณฑ์เพื่อสนับสนุนกาสรไหลออกของเงิน ก็คงจะทำให้เงินบาทไม่แข็งค่าจนเกินไป